The Business Plus บิสิเนสพลัส
เสร็จสิ้นกันไปแล้วกับการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) งวดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 โดยครั้งนี้ ‘Business+’ จะทำการเปรียบเทียบผลประกอบการของสองผู้นำมะพร้าวที่จดอยู่ใน SET ได้แก่ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO และ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS
ในช่วงที่ผ่านมา ‘Business+’ ได้มีการนำเสนอบทความเกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมมะพร้าวทั่วโลกคาดจะเติบโตสูงถึง 20,630 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2570 จากปี 2563 ที่มีมูลค่า 12,600 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ช่วงระหว่างปี 2564-2570 ที่ 7.3% โดยการเติบโตที่โดดเด่นนี้มาจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพอาหารที่ย่อยง่าย มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีคุณค่าทางโภชนาการ
ทั้งนี้จากแนวโน้มการเติบโตข้างต้นทำให้มีการคาดการณ์ว่าผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับมะพร้าวทั้งบริโภคภายในและส่งออกจะต้องมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งสอดรับกับตลาด เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการมากขึ้น ซึ่งเมื่อดีมานด์เพิ่มขึ้นก็ต้องมีการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้สอดรับกับดีมานด์ในตลาด ถือเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์สุขภาพ
โดยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ของ COCOCO นั้น มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 152.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.70% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 126.59 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 913 ล้านบาท
ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.85% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 245 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 3,271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.23% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 2,612 ล้านบาท
สำหรับการเติบโตนี้เป็นผลมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถขยายตลาดไปยังประเทศจีนได้เพิ่มขึ้น จากการจำหน่ายสินค้าประเภทน้ำมะพร้าวไปยังประเทศจีน ทั้งนี้ COCOCO มีฐานลูกค้าราว 90 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมในกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือและใต้, กลุ่มประเทศยุโรป, กลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก, กลุ่มประเทศเอเชียใต้, กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง, กลุ่มประเทศโอเชียเนีย และกลุ่มประเทศแอฟริกา
ด้านผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ของ PLUS มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 60.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.92% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 53 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 382 ล้านบาท
ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 131 ล้านบาท ลดลง 26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 177 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,087 ล้านบาท ลดลง 10.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 1,216 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ที่มีการเติบโตเป็นผลมาจากการขยายฐานลูกค้าของทางฝ่ายขาย ได้แก่ ทวีปออสเตรเลียเติบโต 69.1%, ตะวันออกกลางโต 42.9% ทวีปอเมริกาโต 32.3% และทวีปยุโรปเติบโต 20.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับงวด 9 เดือนที่กำไรมีการปรับลดลง เนื่องมาจากช่วงต้นปีที่ผ่านมายอดขายของทวีปอเมริกาไม่เป็นไปตามเป้าขายที่กําหนดไว้จากปัญหาการกระจายสินค้าและฤดูหนาวที่ยาวนานขึ้น
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าทั้งสองบริษัทต่างมีคู่ค้าหลากหลายประเทศ แต่การขยายตลาดหรือเจาะตลาดเพิ่มก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญของผลประกอบการ เนื่องจากไม่เพียงแค่ต้องคำนึงถึงแผนการตลาด แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยรอบด้านทั้งในเรื่องของสภาพอากาศ การขนส่ง อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น ซึ่ง COCOCO มีการวางแผนขยายฐานกลุ่มลูกค้าชาวจีนเนื่องจากมีกำลังซื้อที่สูง และมีความต้องการบริโภคที่มากขึ้นตลอดเวลา ในขณะที่ PLUS มุ่งขยายฐานลูกค้าอีกฝั่งทวีปหนึ่ง ซึ่งในกลุ่มลูกค้านี้เองก็ถือว่ามีกำลังซื้อที่สูงเช่นเดียวกัน แต่ด้วยสถานการณ์ที่ยากจะสามารถควบคุมได้เลยส่งผลให้กระทบถึงผลการดำเนินงานของ PLUS นั่นเอง
.
ที่มา : SET, IQ
.
เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ
.
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.facebook.com/businessplusonline/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/
.
#Businessplus #thebusinessplus #นิตยสารBusinessplus #COCONUT #มะพร้าว #COCOCO #PLUS #โรแยลพลัส #ไทยโคโคนัท
