โอบามา เร่งข้อตกลง TPP สกัดจีน

การเบ่งกล้ามของจีน ด้วยการถมเกาะในทะเลจีนใต้ เพื่อทำรันเวย์เครื่องบิน จนสร้างความร้าวฉานกับหลายประเทศสมาชิกอาเซียน และความสำเร็จในการก่อตั้งธนาคาร เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย หรือ AIIB ขึ้นมาแข่งกับธนาคารโลก ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเร่งสร้างวงล้อม เพื่อสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของจีนทั้งด้านทหารและเศรษฐกิจ


หลังจากที่จีนประสบความสำเร็จอย่างสูงทางด้านเศรษฐกิจ กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ทำให้จีนเริ่มเพิ่มบทบาทในเวทีโลก ทั้งด้านการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่าทำให้สหรัฐอเมริกาเริ่มมองจีน ด้วยสายตาที่เป็นมิตรน้อยลง

สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า ประเทศจีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะต่างๆ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ในทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดข้อพิพาทกับประเทศต่างๆ ซึ่งรวมทั้ง บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไต้หวัน ขณะเดียวกันจีนยังมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์กับญี่ปุ่นอยู่แล้ว

“ประเทศจีนไม่ใช่แค่อ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะต่างๆ และพื้นที่ในทะเลเท่านั้น ยังได้เคลื่อนไหวในเกาะต่างๆ ด้วยกำลังที่เหนือกว่าประเทศเล็กๆ โดยรอบ จนโดนประท้วงจากหลายประเทศ รวมทั้งประชาคมอาเซียน ซึ่งต้องการให้จีนแก้ปัญหาด้วยวิธีการทูต แต่จีนก็ยังไม่หยุดความเคลื่อนไหว โดยปฏิบัติการครั้งล่าสุด คือถมเกาะในหมู่เกาะสแปรตลีย์ จนเกิดการปะทะคารมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงรัฐบาลจีน และสหรัฐในหลายเวที โดยสหรัฐฯ กล่าวหาจีนว่า ทำให้เกิดความตึงเครียด และทำให้เกิดความไม่มั่นคงขึ้นในภูมิภาคเอเชีย”

ความเคลื่อนไหวของจีน ทำให้สหรัฐอเมริกาเห็นโอกาสในการสร้างวงล้อมทางทหารจากความขัดแย้งระหว่างประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน โดยแสดงตนช่วยเหลือประเทศเล็กๆ ในอาเซียนในการเจรจากับจีน ขณะที่เร่งให้พันธมิตรที่มีศักยภาพอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียแสดงบทบาทมากขึ้น

สำนักข่าวเอบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีโอบามาได้กล่าวในวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า มหาอำนาจในภูมิภาคซึ่งหมายถึงจีนควรเคารพกฎหมาย และในฐานะที่สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในมหาอำนาจในมหาสมุทรแปซิฟิก ขอเรียกร้องให้จีนและประเทศต่างๆ หยุดการถมทะเล โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะส่งเรือรบ และเครื่องบินไปในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อป้องกันสิทธิเสรีภาพในการเดินเรือตามกฎหมาย

คำประกาศของประธานาธิบดีโอบามา สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเพิ่มบทบาททางการทหารของสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยนอกจากการร่วมซ้อมรบกับประเทศพันธมิตรทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียเป็นประจำแล้ว เว็บไซต์ Military.com รายงานว่าสหรัฐอเมริกาได้ขอใช้ฐานทัพเรือ 8 แห่งในฟิลิปปินส์ภายใต้สนธิสัญญาใหม่

ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานเมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า สหรัฐอเมริกาเตรียมขายอาวุธให้เวียดนาม และเพิ่มความสัมพันธ์ทางด้านการป้องกันภัยทางทะเล

ข้อตกลงเพิ่มความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสหรัฐอเมริกาและเวียดนาม เกิดขึ้นจากการพบปะกันระหว่าง พลเอก ฝุ่ง กวาง แทง รัฐมนตรีกลาโหมของเวียดนาม และ แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯที่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2558

ความสัมพันธ์ทางทหารที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกา เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ทำให้กองกำลังทางทหารของอเมริกาเข้ามาป้วนเปี้ยนวนเวียนใกล้จีนมากขึ้น และถือเป็นวงล้อมที่ค่อนข้างกระชับทีเดียว

ผู้เขียน : หนอนเว็บ / Email : chaiyo.v@gmail.com

 

ติดตามอ่านบทความทั้งหมดได้ที่ นิตยสาร Business+ July 2015 Issue 317