ปีทอง ‘ธุรกิจกระเบื้อง’ คาดมูลค่าตลาดเฉียด 3 หมื่นล้าน

ปัจจุบันเทรนด์การพัฒนาที่อยู่อาศัยมีความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ซึ่งคนรุ่นใหม่มักให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีนวัตกรรมโดยในการเลือกซื้อวัสดุ หรือ สิ่งของที่จะนำมาตกแต่งบ้านนั้นจะต้องมีความทันสมัย มีความสวยงาม และมีความคงทน จึงทำให้แต่ละแบรนด์มีการพัฒนาสินค้าโดยใส่นวัตกรรมเข้าไปเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ขณะเดียวกันก็ต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย เนื่องจากคนรุ่นใหม่มีความตระหนักรู้ต่อการอนุรักษณ์ธรรมชาติมากขึ้น จะเห็นได้จากการปรับเปลี่ยนไปใช้สิ่งของที่สามารถย่อยสลายได้ รวมถึงสิ่งที่ไม่ปล่อยมลพิษออกสู่อากาศ เพื่อให้โลกมีความน่าอยู่มากขึ้น

สำหรับในการก่อสร้างวัสดุที่ถือเป็นสิ่งสำคัญและขาดไม่ได้ ก็คือ กระเบื้อง โดยหลักแบ่งได้ 6 ประเภท กระเบื้องเซรามิค, กระเบื้องโมสเค, กระเบื้องแกรนิตโต้, กระเบื้องหินอ่อน, กระเบื้องดินเผา และกระเบื้องแก้ว ซึ่งแต่ละประเภทก็ถูกนำไปตกแต่งพื้นและผนังอย่างแพร่หลาย เพราะไม่เพียงแค่ลวดลายที่สวยงามแต่ยังทนต่อแรงกระแทก การป้องกันการซึมของน้ำและความชื้น รวมถึงป้องกันการลื่นไถลได้อีกด้วย

ทั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจาก Krungthai COMPASS ระบุว่า ในปี 2567 คาดการณ์มูลค่าตลาดธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องจะอยู่ที่ 2.98 หมื่นล้านบาท เติบโต 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 9 หมื่นยูนิต เพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น บ้านจัดสรรเปิดใหม่ราว 4.2 หมื่นยูนิต เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และอาคารชุดเปิดใหม่ 4.8 หมื่นยูนิต เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการออกใบอนุญาตก่อสร้างและการก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่ยังมีแนวโน้มเติบโต รวมถึงงานก่อสร้างโครงการ อาคาร Mixed-Use ขนาดใหญ่ในบริเวณกรุงเทพฯ หลายโครงการที่ยังคงมีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญในการใช้กระเบื้องในปี 2567

ขณะที่ในเรื่องของต้นทุนการผลิตในปีนี้ มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยที่ 0.1% จากปีก่อน เนื่องจาก 1.คาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากต้นทุนการเข้าเข้าก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาที่มีราคาสูงขึ้น, 2.คาดว่าค่าไฟฟ้าเฉลี่ยมีแนวโน้มลดลงเหลือ 4.58 บาท/หน่วยไฟฟ้า ในปีนี้ หลังภาครัฐมีแนวโน้มที่จะเรียกเก็บเงินเพื่อชดเชยต้นทุนคงค้างที่เกิดขึ้นจริงจากการแบกรับภาระค่าไฟฟ้าแทนประชาชนของ กฟผ. ลดลง, 3.ราคาโดยเฉลี่ยของเม็ดพลาสติกประเภทหลักมีแนวโน้มลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และ 4.ค่าแรงซึ่งประเมินเบื้องต้นคาดจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

‘Business+’ ได้มีการสำรวจผู้เล่นหลักในตลาดที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบมี 3 บริษัทด้วยกัน ดังนี้ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC, บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD และ บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ UMI ซึ่งทั้ง 3 บริษัทมีช่องทางการขายที่หลากหลาย และมีการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศเพื่อให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้อย่างกว้างขวางหวังช่วยผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น

โดยในเรื่องของสินค้าบริษัทเหล่านี้ก็ได้มีการพัฒนาโดยใส่เทคโนโลยีนวัตกรรม เพื่อให้สอดคล้องรับมือกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อย่างเช่น การใส่นวัตกรรมดักจับฝุ่น PM 2.5 ที่ตอนนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคมีความกังวลอย่างมาก เพราะ ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองมีขนาดจิ๋วไม่เกิน 2.5 ไมครอน อันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ยังมีการมุ่งเน้นจับกลุ่มลูกค้า Generation ใหม่ค่อนข้างมาก ทั้งในเรื่องการออกแบบของดีไซน์ ลวดลาย การคุมโทน โดยในหมู่คนรุ่นใหม่จะมีรสนิยมที่เน้นความเรียบง่ายแต่ดูดี (Minimal) ซึ่งเทรนด์นี้เป็นกระแสอย่างมาก โดยทุกอย่างภายในบ้านจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะสีผนัง สีเฟอนิเจอร์ สีกระเบื้อง เป็นต้น ทำให้แบรนด์ต้องตามเทรนด์อยู่เสมอเพื่อให้สินค้าเป็นที่จดจำและเป็นที่ต้องการของตลาด

สำหรับทั้ง 3 บริษัทนี้ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นที่อยู่ในวงการนี้มาอย่างยาวนาน มีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีการพัฒนาสินค้าออกมาป้อนตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2567 นี้ หากไม่มีมรสุมอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มเติม ก็คาดจะช่วยผลักดันยอดขายสินค้าให้เติบโตได้ ขณะเดียวกันผู้เล่นรายอื่นในตลาดก็จะมีบทบาทในการแข่งขันมากยิ่งขึ้นเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูง

.

ที่มา : Krungthai COMPASS,ttmconstruction

.

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ

.

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.facebook.com/businessplusonline/ 

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

.

#Businessplus #thebusinessplus #นิตยสารBusinessplus #ธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้อง #กระเบื้อง #ธุรกิจกระเบื้อง #มูลค่าตลาดธุรกิจกระเบื้อง