เปิดโผ 12 หุ้นเด่นรับปี 2567 พร้อมแนวโน้มตลาด-ปัจจัยเสี่ยงกดดัชนี

เปิดศักราชใหม่แบบนี้ หลาย ๆ คนคงกำลังมองหาการลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามความถนัดของตัวเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนักลงทุนที่เลือกการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีทั้งการลงทุนในรูปแบบของการเก็งกำไรและการรอรับเงินปันผล ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุนของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ดี หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยของการเลือกลงทุนในรูปแบบนี้ คือการที่นักลงทุนไม่แน่ใจว่าควรเลือกลงทุนในหุ้นตัวใด เพราะหากจะต้องคัดเลือกด้วยตัวเองคงต้องใช้เวลาอย่างมากในการศึกษา และด้วยจำนวนบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีอยู่ไม่น้อยยิ่งกลายเป็นเรื่องยากมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นการมีแนวทางจากผู้เชี่ยวชาญให้ได้ศึกษา จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการเลือกลงทุน ที่นอกจากจะช่วยร่นระยะเวลาในการคัดเลือกหุ้นมาลงทุนแล้ว ยังได้ศึกษาทิศทางและพื้นฐานของหุ้นเหล่านั้นอีกด้วย

และในวันนี้ Business+ ก็ได้หยิบยกเอาบทวิเคราะห์จาก ‘บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)’ ที่ได้มีการวิเคราะห์ถึงแนวโน้มและทิศทางของตลาดหุ้นไทยในปี 2567 พร้อมทั้งหุ้นเด่นที่น่าลงทุนจำนวน 12 หุ้น ที่ Business+ ได้ทำการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2566 เพื่อเป็นแนวทางในการลงทุนรับปีมังกรนี้

โดย ‘บล.กสิกรฯ’ ระบุ SET Index มักจะให้ผลตอบแทนเชิงบวกหลังปีที่รายงานผลตอบแทนติดลบในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มาตรการกระตุ้นเศรษบกิจของรัฐบาลไทยจะส่งผลกระทบเต็มรูปแบบในปี 2567 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ การลดราคาพลังงาน, ช่วยเหลือค่าครองชีพ/บรรเทาหนี้ให้กับเกษตรกร, ยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยว, ดิจิทัลวอลเล็ต, e-refund, ลดภาษีให้กับนักลงทุนใน TESG, ให้เงินช่วยเหลือเพื่อโปรโมต EV, มาตรการตรึงหนี้ครัวเรือนและมาตรการกระตุ้นอสังหาฯด้วย

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงหลัก ประกอบไปด้วย
– ตลาดคาดว่าจะเฟดจะลดดอกเบี้ยในไตรมาส 2/2567 จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงหรือเมื่อเกิดปญหาในระบบการเงิน โอกาสที่จะเกิดสภาวะ hard landing อยู่ที่ 80% ในวัฎจักรการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 15 ครั้งที่ผ่านมา

– Downsides ต่อประมาณการกำไรปี 2567 จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง, การบริโภคที่อ่อนแอ, นักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้าและความล้มเหลวของรัฐบาลในการส่งต่อนโยบายหลัก

– การเมืองไทยร้อนแรงขึ้น หากรัฐบาลไม่สามารถผลักดันนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ได้ หรือเกิดการต่อรองระหว่างพรรคร่วม หลังวุฒิสภาสิ้นสุดเวลาทำงานในวันที่ 11 พ.ค.2567

– ตลาดสินเชื่อที่ตึงตัวขึ้น คาดจะส่งผลให้ต้นทุนเงินกู้ของบริษัทสูงขึ้น รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการ rollover และเลื่อนแผน IPO ออกไป

– Event risk คาดจะส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจ เช่น การเลือกตั้งทั่วโลก, ความขัดแย่งระหว่างสหรัฐฯ-จีน, รัสเซีย-ยูเครน และในตะวันอกกลาง

ส่วนแนวโน้มตลาด คาดการณ์ว่า SET Index เคลื่อนไหวช้ากว่า MSCI ACWI อยู่ 25% YTD จากแนวโน้มกำไรที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดี ยังคงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2567 จากแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นและมูลค่าหุ้นที่ถูกลง โดยมองเป้า SET Index ปี 2567 อยู่ที่ 1,470

สำหรับหุ้นเด่น คือ

1. บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH แนะนำ ถือ” ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 978.89 ล้านบาท ลดลง 64.65% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 2,769.22 ล้านบาท

2. บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 53 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,216.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.23% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 1,327.86 ล้านบาท

3. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 248.93 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 22,083.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.42% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 18,647.99 ล้านบาท

4. บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31.40 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,889.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.35% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 2,822.86 ล้านบาท

5. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 78 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12,985.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.14% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 10,133.98 ล้านบาท

6. บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17.60 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,111.15 ล้านบาท ลดลง 28.67% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 2,959.57 ล้านบาท

7. บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19.10 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 706.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 301.73% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 175.98 ล้านบาท

8. บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23.10 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,514.55 ล้านบาท ลดลง 150.88% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 3,799.68 ล้านบาท

9. บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 79 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,085.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.37% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 7,953.81 ล้านบาท

10. บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,201.69 ล้านบาท ลดลง 22.76% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 1,555.73 ล้านบาท

11. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27.94 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,344.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.51% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 992.33 ล้านบาท

12. บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 55.50 บาท โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16,498.83 ล้านบาท ลดลง 49.27% จากงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 32,521.31 ล้านบาท

ที่มา : kasikornsecurities, set

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #หุ้นเด่น #หุ้นน่าซื้อ #หุ้นน่าซื้อ2567