รู้ทัน “เซลล์อักเสบ” ห่างไกลโรคกระดูกสันหลัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในชีวิตประจำวันหลายคนต้องเผชิญกับปัญหาปวดหลัง ไม่ว่าจะเป็นจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน การยกของหนัก หรือแม้กระทั่งการก้มหน้าเล่นมือถือ เป็นเวลานาน ๆ โดยอาการปวดเหล่านี้อาจดูเหมือนเรื่องธรรมดา แต่ที่จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่เกิดจาก “เซลล์อักเสบ” ซึ่งสามารถทำลายกระดูกสันหลังและเนื้อเยื่อรอบ ๆ หากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ดูแลให้ถูกวิธี
เซลล์อักเสบคืออะไร ?
เซลล์อักเสบ (Cellular Inflammation) คือ กระบวนการที่ร่างกายตอบสนองต่อการบาดเจ็บ การใช้งานมากเกินไป หรือการติดเชื้อ โดยระบบภูมิคุ้มกันจะส่งสารเคมีอย่างไซโตไคน์ (Cytokines) และพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) มายังบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้เกิดอาการบวม แดง และเจ็บปวด ซึ่งกระบวนการนี้ช่วยให้เนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหายได้รับการซ่อมแซมและป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งหากกระบวนการอักเสบนี้เกิดขึ้นเรื้อรังหรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อและส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ข้อดี “เซลล์อักเสบ” ที่แฝงภัยร้าย
แม้ว่าเซลล์อักเสบจะถูกมองว่าเป็น “ตัวร้าย” แต่ที่จริงแล้ว กระบวนการอักเสบถือเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันและฟื้นฟูร่างกายจากการบาดเจ็บและการติดเชื้อ เราลองดูกันว่า ทางออกในเรื่องนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง
การตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกาย : การอักเสบทำหน้าที่ดึงดูดเซลล์เม็ดเลือดขาวมายังบริเวณที่บาดเจ็บเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย การไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นจะนำพาสารอาหารและออกซิเจนมายังบริเวณที่อักเสบเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัว
กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ : การอักเสบจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายสามารถนำพาเซลล์และสารอาหารไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย
หากปล่อยไว้จะเกิดผลเสีย : หากอาการอักเสบเกิดขึ้นนานเกินไปหรือเรื้อรัง จะทำให้เนื้อเยื่อเสียหายมากขึ้น เกิดการสะสมของแคลเซียม และทำให้เกิดกระดูกงอก ซึ่งนำไปสู่การกดทับเส้นประสาทและเกิดอาการปวดเรื้อรัง
พฤติกรรมเสี่ยง “เซลล์อักเสบ” ในกระดูกสันหลัง
การใช้ชีวิตประจำวันมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบในกระดูกสันหลัง คือ การนั่ง หรือยืนท่าเดิมเป็นเวลานาน การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ การก้มหน้าเล่นมือถือ หรือการยืนในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลังเกิดการตึงเครียดและบาดเจ็บซ้ำ ๆ
อย่างไรก็ตาม การใช้งานกล้ามเนื้อเกินกำลัง อาทิ การยกของหนัก หรือการออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้รับความเสียหาย ทำให้ร่างกายต้องอักเสบเพื่อซ่อมแซม
หรือแม้แต่อาการของภาวะข้อกระดูกสันหลังเสื่อม โดยการเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกและข้อต่อ ทำให้เกิดการเสียดสีของข้อต่อที่กระดูกสันหลัง ซึ่งจะกระตุ้นการอักเสบและอาการปวดเรื้อรัง การยกของหนัก หรือ การนั่งในท่าเดิม ๆ เกิน 2 ชั่วโมง ทำให้กระดูกสันหลังรับน้ำหนักมากเกินไป (Overload) มีการกดทับจนเกิดอาการเสื่อมและอักเสบ เนื่องจากกระดูกสันหลังไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักส่วนเกิน หากเปรียบเทียบกับนักยกน้ำหนัก จากที่เคยยกได้ 10 กิโลกรัม เปลี่ยนมายก 100 กิโลกรัม ร่างกายจะไม่สามารถรับน้ำหนักส่วนเกินได้ทันที
ตรวจค้นหาการปวดที่เสี่ยง “โรคหมอนรองกระดูกสันหลัง”
การวินิจฉัยที่ถูกต้องมีความสำคัญเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดหลัง เช่น การทดสอบทางกายภาพ หรือ การใช้เครื่อง MRI หรือ เอกซเรย์เพื่อดูโครงสร้างของกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูก และเนื้อเยื่อรอบ ๆ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
การผ่าตัดเป็นอีกหนึ่งวิธี ซึ่งการผ่าตัดกระดูกสันหลังส่วนเอว แบบส่องกล้องผ่านผิวหนัง คือ PSLD หรือ กรณีที่หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอเกิดการกดทับเส้นประสาท จะใช้การรักษาโดยกล้อง PSCD ซึ่งทั้ง 2 หัตถการนี้ เป็นการรักษาแบบแผลเดียว รูเดียว เพื่อลดอาการบาดเจ็บ รักษาการกดทับเส้นประสาท และช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น
การป้องกันและดูแลหลังการรักษา
ปรับท่านั่งและท่ายืน โดยทุกคนต้องดำเนินการในท่าที่ถูกต้อง โดยให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง และพยายามพักเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 30-60 นาที
ออกกำลังกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัว (Core Muscles) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ เช่น การว่ายน้ำ หรือ เล่นพิลาทิส (Pilates)
นวดและกายภาพบำบัด ใช้การนวดและกายภาพบำบัดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ลดการตึงเครียด และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
แม้ว่าบางอาการผู้ป่วยจะหายเองได้ แต่หากปล่อยให้มีอาการเรื้อรัง ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อาจจะนำไปสู่การเจ็บป่วยโรคที่ร้ายแรง และการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุด แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลเอส สไปน์ ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านการรักษาโรคกระดูกสันหลัง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยแห่งแรกในประเทศไทย โดยมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษามากกว่า 100,000 ราย ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โรงพยาบาลได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยที่สัมผัสได้ถึงผลลัพธ์การรักษาที่ฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอยู่กับครอบครัว และทำสิ่งที่รักได้อีกครั้ง
เขียนและเรียบเรียง : นายแพทย์ดิตถพงษ์ บุญอำพล ศัลยแพทย์และผู้บริหาร โรงพยาบาล เอส สไปน์
ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business