SCG กับการฝ่ากระแสความท้าทายยุค ‘New Normal’

ไม่มีใครรู้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 จะสิ้นสุดเมื่อใด แต่ ‘New Normal’ หรือ ‘ความปกติใหม่’ เกิดขึ้นจากสิ่งนี้ กลายเป็นความท้าทายระลอกใหญ่ที่ถาโถมทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่ต้องปรับทั้งวิธีคิดและกระบวนการดำเนินงาน เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันและการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้ เช่นเดียวกับ ‘SCG’ ซึ่งเป็นหนึ่งองค์กรที่ทุ่มเทอย่างมาก เพื่อให้สังคม คู่ค้า พนักงาน และธุรกิจ ก้าวผ่านความเปลี่ยนแปลงนี้ไปให้ได้


SCG ได้ทำการขานรับมาตรการภาครัฐอย่างเคร่งครัด พร้อมนำความเชี่ยวชาญ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่มีไปร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการเร่งพัฒนานวัตกรรมป้องกัน Covid-19 ที่ตอบโจทย์สังคม

คุณรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG เปิดเผยว่า “ผลกระทบในแต่ละธุรกิจมีความแตกต่างกัน จะเห็นได้ว่าธุรกิจแพคเกจจิ้งมีการเติบโตที่ดีในสถานการณ์ Covid-19 โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าคงทน เช่น ยานยนต์ หรือสินค้าแฟชั่น เริ่มได้รับผลกระทบแล้ว ซึ่งจะเห็นผลกระทบหนักในระยะถัดไป ขณะที่ผลกระทบในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างยังไม่ชัด

แต่ตอนนี้ภาคเอกชนที่เป็นลูกค้าของ SCG ส่วนหนึ่งเริ่มเห็นว่ามีความท้าทาย เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นโครงการในระยะยาว ดังนั้น กำลังซื้อในระยะต่อไปที่มีการส่งมอบโครงการไปแล้วคงมีผลกระทบค่อนข้างมาก สิ่งที่คาดหวังคือโครงการของภาครัฐจะเข้ามามีส่วนพยุงให้ความต้องการสินค้าซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างดำเนินต่อไปได้ อย่างน้อยจนกว่าสถานการณ์ Covid-19 จะคลี่คลาย”

คุณรุ่งโรจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 จะส่งผลกระทบไปยาวนานแค่ไหน แต่ SCG ก็พร้อมปรับตัวรับมือความท้าทายต่าง ๆ เต็มที่ เพื่อให้ทุกฝ่ายก้าวผ่านวิกฤตที่รุนแรงครั้งนี้ได้ ด้วยการปรับกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการบริหารจัดการใน 5 ด้านหลัก ได้แก่

การบริหารจัดการความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ (Business Continuity Management) ด้วยการมุ่งเน้นเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อ Covid-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้

การปรับลดค่าใช้จ่ายและเงินลงทุน โดยเฉพาะส่วนที่ลดได้ทันที เช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น จากนั้นจะมีการตรวจสอบว่าค่าใช้จ่ายส่วนใดที่สามารถชะลอไว้หรือตัดออกได้ ก็จะตัดออกให้มากที่สุด

การจัดลำดับความสำคัญ (Priority) ของธุรกิจ โดยเน้นการบริหารจัดการกระแสเงินสดเป็นหลัก พร้อมเน้นการทำงานที่รวดเร็วและยืดหยุ่นในการปรับตัวตามพฤติกรรมและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า

การนำศักยภาพเทคโนโลยีมาใช้เต็มรูปแบบ ทั้งในขั้นตอนการดำเนินธุรกิจและการทำงาน เพื่อให้การบริหารห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การผลิตจนถึงการส่งมอบโซลูชันสินค้าและบริการไปยังลูกค้าทุกกลุ่มมีความสะดวกและปลอดภัย ควบคู่กับการช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ

การมองหาโอกาสในตลาดใหม่ เพราะมีอีกหลายประเทศที่ต้องการจะพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศให้เข้มแข็ง SCG จึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งเพิ่มเติมให้กับการลงทุนที่มีในปัจจุบัน เพื่อหนุนการสร้างให้ธุรกิจเติบโตได้ในระยะยาวต่อไป

5 กลยุทธ์ดังกล่าวได้นำมาสู่การพัฒนาแผนงานเพื่อปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการในแต่ละธุรกิจ ให้สอดคล้องและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งพาคู่ธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปพร้อมกันได้ ดังนี้

ธุรกิจแพคเกจจิ้ง มุ่งขายสินค้าและบริการด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ให้ตอบโจทย์และทันต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะจากการสั่งอาหารดีลิเวอรีและการซื้อสินค้าออนไลน์ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นด้านสุขอนามัยในการผลิตและการขนส่งบรรจุภัณฑ์

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เร่งพัฒนาช่องทางค้าปลีกออนไลน์ของ SCG HOME ให้เชื่อมโยงและมีประสิทธิภาพ พร้อมให้บริการจัดส่งทั่วประเทศและบริการให้คำปรึกษาเรื่องบ้านผ่านออนไลน์ ควบคู่กับการเพิ่มมาตรการเชิงรุกด้านสุขอนามัยในการให้บริการติดตั้งและอื่น ๆ

ธุรกิจเคมิคอลส์ มุ่งปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ผันผวนและท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับสัดส่วนการขายเม็ดพลาสติกให้สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยนไป ด้วยจุดแข็งในการมีเครือข่ายลูกค้าในหลายประเทศทั่วโลก

แม้วิกฤตการระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ผ่านมาจะมีแนวโน้มคลี่คลายบ้าง แต่ SCG ยังคงเดินหน้าหาแนวทางใหม่ในการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรภายใต้ความท้าทาย โดยยึดถือความปลอดภัยของพนักงานเป็นสำคัญ ด้วยการถอดบทเรียนของการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) เพื่อพัฒนาสู่ ‘Hybrid Workplace’ ซึ่งเป็นการทำงานรูปแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่น ให้พนักงานสามารถปรับตัวเข้ากับบริบทใหม่ ด้วยการเลือกทำงานตามสถานที่ที่บริษัทพิจารณาแล้วว่ามีความปลอดภัย มีการจัดสถานที่แบบ Physical Distancing อย่างเหมาะสม แต่ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ และรักษามาตรฐานในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าไว้ได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป