สำนักข่าว CNBC รายงานว่า กำลังการผลิตข้าวทั้งในจีน, สหรัฐฯ รวมถึงสหภาพยุโรป กำลังลดลงเป็นอย่างมาก และผลักดันราคาข้าวให้ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้คนเป็นจำนวนมากกว่า 3.5 พันล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งบริโภคข้าวสูงถึง 90% จากปริมาณข้าวทั้งโลก
ด้าน ‘Fitch Solutions’ คาดการณ์ว่าในปี 2566 ตลาดข้าวทั่วโลกจะเข้าสู่ภาวะขาดแคลนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งการขาดดุลในระดับนี้สำหรับหนึ่งในธัญพืชที่มีการเพาะปลูกมากที่สุดในโลกจะส่งผลกระทบต่อผู้นำเข้ารายใหญ่เป็นอย่างมาก
ขณะที่ ‘Charles Hart’ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ ‘Fitch Solution’ กล่าวว่า ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดของการขาดดุลข้าวทั่วโลกคือราคาข้าวที่พุ่งสูงในรอบทศวรรษ ซึ่งเป็นผลกระทบในระดับโลก โดยคาดว่าราคาข้าวจะยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในปัจจุบันจนถึงปี 2567
“เนื่องจากข้าวเป็นสินค้าอาหารหลักในหลายตลาดในเอเชีย ราคาจึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับอัตราเงินเฟ้อของราคาอาหารและความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครัวเรือนที่ยากจนที่สุด”
โดยรายงานคาดการณ์ว่าปริมาณการขาดแคลนทั่วโลกในปี 2565/2566 จะอยู่ที่ 8.7 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ข้าวขาดดุลทั่วโลกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2546/2547 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดข้าวทั่วโลกขาดดุลถึง 18.6 ล้านตัน
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดข้าวขาดตลาดนั้น เป็นผลมาจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงสภาพอากาศเลวร้ายในประเทศที่ผลิตข้าวอย่างจีนและปากีสถาน นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 พื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ของจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกได้รับผลกระทบจากพายุมรสุมฤดูร้อนและน้ำท่วม โดยข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์การเกษตร ‘Gro Intelligence’ แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำฝนสะสมในมณฑลกว่างซีและมณฑลกวางตุ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตข้าวที่สําคัญของจีนสูงเป็นอันดับสองในรอบอย่างน้อย 20 ปี
ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) ระบุว่า ปากีสถาน ซึ่งคิดเป็น 7.6% ของการค้าข้าวโลก มีผลผลิตลดลง 31% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากน้ำท่วมรุนแรงในปีที่แล้ว โดยผลกระทบนั้นรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
นอกจากนี้ การขาดแคลนส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ลดลงทุกปี ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและความแห้งแล้ง รวมถึงผลกระทบจากน้ำท่วมรุนแรงในปากีสถาน
ทั้งนี้ รายงานจาก Fitch Solutions Country Risk & Industry Research คาดการณ์ว่าราคาข้าวจะยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในปัจจุบันจนถึงปี 2567 โดยราคาข้าวเฉลี่ยอยู่ที่ 17.30 ดอลลาร์ต่อตัน จนถึงปี 2566 และจะลดลงเหลือเพียง 14.50 ดอลลาร์ต่อตันในปี 2567 ตามรายงาน Cwt ซึ่งเป็นหน่วยวัดสำหรับสินค้าบางชนิด เช่น ข้าว
ที่มา : CNBC
เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/
.
#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #ข้าว #ราคาข้าว #ตลาดข้าว #ตลาดข้าวทั่วโลกส่อขาดแคลนหนักรอบ20ปี! #ความมั่นคงทางอาหาร #อาหาร