‘Haribo’ ผู้นำตลาดเยลลี่อันดับ1 ขวัญใจคนทั่วโลกมายาวนานถึง 103 ปี!

รู้หรือไม่ว่า ในทุก ๆ วัน ‘Haribo’ ส่งเยลลี่หมีออกสู่ตลาดวันละ 160 ล้านชิ้นจากโรงงานทั่วโลก ด้วยจำนวนการผลิตที่มากโขคงพิสูจน์ได้แล้วว่าเยลลี่หมีนี้เป็นที่ปรารถนาของทุกคน

อาจเป็นเพราะด้วย ‘Haribo’ มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย และความเหนียวหนึบเคี้ยวเพลิน ประกอบกับการเข้าถึงได้ง่ายสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าต่าง ๆ และมีราคาสบายกระเป๋า

มากไปกว่านั้นเยลลี่หมีแบรนด์นี้ดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 103 ปี ด้วยการผ่านเรื่องราวที่ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้งกว่าจะมาเป็น  ‘Haribo’ ผู้นำตลาดเยลลี่อันดับ 1 ของโลกได้

แล้วเรื่องราวของ Haribo เป็นอย่างไร?

ย้อนกลับไปในปี 1920 ในประเทศเยอรมนี คุณHans Riegel Sr. เชฟขนมหวาน ได้ริเริ่มทำธุรกิจลูกกวาดขึ้น ในชื่อบริษัทว่า ‘Haribo’ ที่มาจากนำชื่อของตนและเมือง Bonn บ้านเกิดมารวมเข้าด้วยกัน

โดยคุณ Hans ได้เริ่มคิดค้นลูกกวาดจากครัวเล็ก ๆ ที่มีอุปกรณ์ 2-3 อย่างเท่านั้น พร้อมกับได้จ้างภรรยาของตนคุณGertrud มาเป็นลูกน้องคนแรกในบริษัท ซึ่งพวกเขาเริ่มทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักโดยการปั่นจักรยานแจกลูกกวาดไปเรื่อย ๆ ให้ผู้คนได้รู้จักแบรนด์มากขึ้น จนวันหนึ่งที่เขาคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งค้าใหม่ให้กับแบรนด์ขึ้นอีกครั้ง นั่นก็คือ ‘กัมมี่แบร์’

2 ปีต่อมาคุณHans เปิดตัวต้นแบบกัมมี่แบร์ชิ้นแรกที่มีชื่อว่า Dancing Bear ซึ่งหากนำมาเทียบกันจะพบว่ามีขนาดใหญ่และบางกว่ากัมมี่แบร์ในปัจจุบัน ซึ่งกัมมี่แบร์ตัวแรกได้รับแรงบันดาลใจจากหมีเต้นรำตัวจริงที่เคยให้ความบันเทิงแก่เด็ก ๆ ตามงานเทศกาลต่าง ๆ ในยุโรป

ที่น่าสนใจคือในช่วงเวลานั้นมีคู่แข่งทางการค้าเกิดขึ้นมากมาย ใคร ๆ ก็ต้องการผลิตเยลลี่ ซึ่งส่วนใหญ่จะออกมาในรูปแบบเยลลี่เคลือบน้ำตาล แต่คุณHans อยากแตกต่างออกไป จึงใช้กลิ่น รสชาติ และสี ที่มีความหลากหลายมาสร้างความโดดเด่นให้กับ Dancing Bear

ภายหลังจากนั้นกระแสตอบรับจากเด็ก ๆ ทั่วยุโรปก็รู้จัก Haribo กันหมด ทำให้บริษัทเริ่มขยายตัว จนกระทั่งในปี 1930 สามารถจ้างพนักงานได้กว่า 400 ชีวิต และมีโรงงานขนาดใหญ่ พร้อมกับการเริ่มคิดค้นขนมรสชาติใหม่ ๆ ที่ทำจากชะเอมและวัตถุดิบอื่น ๆ

แต่แล้วความโชคร้ายก็มาเยือน Haribo เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น คุณHans เสียชีวิตในวัย 52 ปี โดยที่ลูกชายทั้งสอง ได้แก่คุณRiegel, Paul และ คุณHans Riegel Jr. กำลังเข้าร่วมสงครามฝั่งเยอรมนีและโดนจับไว้เป็นเชลยศึกของอเมริกา ทำให้ช่วงเวลานั้นมีเพียงคุณ Gertrud ภรรยาของเขาขึ้นมารับผิดชอบบริษัททั้งหมด

ซึ่งเยอรมนีในช่วงเวลานั้นตกที่นั่งลำบาก ทั้งภาวะเงินเฟ้อจากสงคราม ความเสียหายต่าง ๆ จากบ้านเมือง รวมถึงเครื่องจักรที่โดนทำลาย ทำให้การผลิตเป็นไปอย่างไม่ดีนัก

จนกระทั่งหลังสงครามจบลง 2 ทายาทได้เข้ามาบริหารบริษัทอย่างเต็มรูปแบบ โดยมี คุณPaul ดูแลการผลิต และคุณHans Jr. จัดการด้านการตลาดและการขาย

ซึ่งในช่วงปี 1950 พี่น้องตระกูล Riegel ได้เปลี่ยนให้บริษัทกลายเป็นผู้นำด้านขนม พร้อมขยายผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้นและเพิ่มจำนวนพนักงานเป็น 1,000 คน เริ่มขยายโรงงานไปในหลาย ๆ ประเทศทั่วยุโรป จากเดิมทีหลังสงครามมีพนักงานเพียง 30 คนเท่านั้น แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งปัญหาคือเรื่องของการ ‘ขนส่ง’ เพราะอุตสาหกรรมขนมหวานไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเยอรมนีในเวลานั้น อุตสาหกรรมอื่น ๆ จำเป็นมากกว่า ทำให้ในภาพรวมบริษัทยังคงมีสะดุดบ้างในช่วงเวลาฟื้นตัว แต่พวกเขาก็ผ่านมันมาได้

และ10 ปีถัดมา Haribo ผ่านการปรับโฉมกัมมี่แบร์ขึ้นอีกครั้ง โดยรีแบรนด์จาก Dancing Bears เป็น Goldbears ที่อยู่ในซองมาจนปัจจุบัน ไม่เพียงเท่านี้ ยังได้เดินหน้าด้านการตลาด จนเกิดเป็นแบรนด์แรก ๆ ในเยอรมนีที่ลองทำโฆษณาใน TV ขึ้นอีกครั้ง

มากไปกว่านั้น ในขณะที่เยลลี่หมีกำลังจะขยายออกไปสู่ทั่วโลก พร้อมรับกระแสตอบรับที่ดี แต่ไม่ใช่สำหรับ ’สหรัฐอเมริกา’ เพราะในปี 1985 สหรัฐอเมริการมีการแข่งขันอุตสาหกรรมขนมหวานค่อนข้างสูง มีบริษัทลูกอม Herman Goelitz ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Jelly Belly ครองใจผู้บริโภคอยู่

ทำให้ในขณะที่บริษัทกำลังสร้างโรงงานการผลิต ก็จำเป็นจะต้องวางแผนการโฆษณาที่มากขึ้นควบคู่ไปด้วย โดยใช้วิธีการออกซีรีส์แอนิเมชั่นเรื่อง “Adventures of the Gummi Bears” สร้างกระแสตอบรับที่ดีมาสู่บริษัททำให้ Haribo เป็นที่รู้จักและกลายเป็นกัมมี่ที่คนอเมริกันอยากซื้อขึ้นในพริบตา

สำหรับในปัจจุบัน Haribo ดำเนินธุรกิจมาตลอด 103ปี พร้อมทั้งเป็นเยลลี่ผลไม้ที่ครองสัดส่วนการตลาดอันดับ 1 ของโลก และมีจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศ พร้อมทั้งกำลังบริหารด้วยทายาทคนที่ 3 ของตระกูล Riegel ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัท

โดยที่ตระกูล Riegel สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พร้อมกับรักษาคุณภาพของ Goldbears สินค้าเรือธงไว้ และใส่ใจในการตลาดอยู่ความสม่ำเสมอแม้ต้องรับมือกับเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในทุก ๆ วัน และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวเส้นทางสู่ความสำเร็จของแบรนด์เยลลี่หมีที่สามารถครองใจผู้บริโภคทั่วโลกได้..

 

ที่มา : smithsonianmag, haribo, adage
เขียนและเรียบเรียง : อโญศิริ สุระตโก

.

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

.

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

.

#Businessplus #นิตยสารBusinessplus #Haribo #Goldbears