ปีทองของโรงพยาบาลแพทย์รังสิต

ปีทองของโรงพยาบาลแพทย์รังสิต

“โรงพยาบาลแพทย์รังสิต” เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในจังหวัดปทุมธานี เริ่มต้นด้วยจำนวนเตียงจดทะเบียนเพียง 30 เตียง ผ่านมาเกือบ 4 ทศวรรษ จากโรงพยาบาลชานเมืองเล็ก ๆ กำลังสยายปีกทางธุรกิจบนเส้นทางศูนย์แพทย์เฉพาะทาง

เป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นแนวหน้าแห่งย่านรังสิตของโรงพยาบาลแพทย์รังสิต อาจจะฟังดู Aggressive ไม่น้อย แต่ด้วยแรงสนับสนุนและการทำงานที่ประสานกันอย่างเต็มที่จากทุกส่วน ทำให้สถานการบริการสุขภาพแห่งนี้จึงเป็นที่น่าจับตามองไม่น้อย

ถ้าย้อนไทม์ไลน์ความสำเร็จของกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ต้องย้อนกลับไปในปี 2527 ที่มีการก่อตั้งบริษัท ปทุมรักษ์ จำกัด โดยมีกลุ่มครอบครัวแย้มสอาด กลุ่มครอบครัวตระกูลช่าง กลุ่มครอบครัวฮันตระกูล และกลุ่มแพทย์เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เพื่อประกอบกิจการสถานพยาบาลภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลแพทย์รังสิต” และถัดมาเพียง 2 ปี โรงพยาบาลแพทย์รังสิตจึงได้ฤกษ์เปิดให้บริการในวันที่ 9 มกราคม 2529 โดยถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในปทุมธานี ซึ่งมีจำนวนเตียงจดทะเบียนเพียง 30 เตียงเท่านั้น

ต่อมาในปี 2538 โรงพยาบาลแพทย์รังสิตจึงได้เข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมกับสำนักงานประกันสังคม เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และในปี 2540 เปิดให้บริการอาคารผู้ป่วย 7 ชั้นเพิ่มเติม และมีจำนวนเตียงเพิ่มขึ้นเป็น 155 เตียง ก่อนที่จะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 2 ครั้ง ภายใต้โรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต ในปี 2553

พัฒนาการของ รพ.แพทย์รังสิตไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ปี 2554 เปิดให้บริการโรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิตขึ้นเป็นครั้งแรก และเปิดบริการศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมง สามารถตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจแบบครบวงจร และต่อมาในปี 2562 เปิดให้บริการโรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 โดยมีจำนวนเตียงจดทะเบียน 59 เตียง เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วไป

ขณะที่ปี 2565 ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อมีการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แปรสภาพบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยมีการแก้ไขชื่อบริษัท จากบริษัท ปทุมรักษ์ จำกัด เป็นบริษัท แพทย์รังสิต เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG และเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งแรกในวันที่ 6 กรกฏาคม 2566 ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “PHG” ซึ่งถือเป็นพัฒนาการและจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต เพราะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจตามกลยุทธ์ขยายธุรกิจในแนวดิ่ง เพื่อต่อยอดการให้บริการทางการแพทย์สำหรับโรคผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง และโรคทางนรีเวชกรรม เพื่อยกระดับกลุ่มโรงพยาบาลให้เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ และเป็นการสร้างการเติบโตครั้งใหม่ให้กับกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต

“รณชิต แย้มสอาด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพทย์รังสิต เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความสำเร็จขององค์กรว่า จากโรงพยาบาลชานเมืองเมื่อ 38 ปีก่อน ปัจจุบันกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิตกำลังกลายเป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นแนวหน้าแห่งย่านรังสิต โดยสิ่งที่ทำให้กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิตอยู่รอดและเติบโตมาได้ เกิดจากประสบการณ์ ทีมงาน และการบริหารงานแบบค่อยเป็นค่อยไป จนสามารถสร้างการเติบโตขึ้นเป็นลำดับ

“ความสำเร็จของเรา” อย่างแรกเลยคือ พัฒนาเรื่องแพทย์ เราสามารถหาแพทย์มาประจำได้ จุดอ่อนในวันนั้น วันนี้เราสามารถปิดช่องว่างตรงนั้นได้แล้ว และไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิตยังมีการพัฒนาเชิงลึก ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในระดับที่สูงขึ้น รักษาพยาบาลโรคที่ยาก ซับซ้อน และเฉพาะทางมากขึ้น มีการจัดอบรมโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ โดยมีสถาบันหลักทางการแพทย์ให้การสนับสนุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มาใช้บริการ โดยเรานำวิทยาการใหม่ ๆ เข้ามาเสริม

จากแผนการเข้าตลาดที่สำเร็จแล้ว จากนี้ไปจะเป็นก้าวที่เรานำ IPO Fund เหล่านั้นมาใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพในทางธุรกิจให้กว้างขึ้น ทั้งแนวดิ่งที่หมายถึง การที่เราจะให้บริการในการรักษาโรคที่ซับซ้อนมากขึ้น ยากขึ้น ส่วนการรักษาโรคระดับปฐมภูมิอาจจะค่อย ๆ จางหายไป เพราะมันเป็นเรื่องที่ใคร ๆ เขาก็ทำกัน จะเน้นโรคผู้สูงอายุ ตอนนี้เรามีศูนย์ไต 3 ศูนย์อยู่ในโรงพยาบาล มีศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมง และอนาคตจะมีโรงพยาบาลมะเร็งที่จะมารองรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งแถบนี้ยังไม่มี”

แน่นอนว่า การมีทีมงานในทุกภาคส่วนที่มีความชำนาญถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของโรงพยาบาลแพทย์รังสิต เพราะนอกจากฐานเงินทุนที่แข็งแรง เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างอาคารผู้ป่วย 1 ใหม่ ภายในปีนี้ มูลค่า 200 ล้านบาท และก่อสร้างอาคารผู้ป่วย 2 ใหม่ มูลค่า 300 ล้านบาท ภายในปี 2569 รวมถึงการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ มูลค่า 250 ล้านบาท ถือเป็นการยกระดับของการบริการที่สมบูรณ์แบบ และสร้างให้เกิดความแตกต่างจากบริการของคู่แข่งได้มากขึ้น

คุณรณชิตทิ้งท้ายว่า “เราอยู่ในละแวกนี้ ต้องรู้ว่าควรดูแลเรื่องอะไร หลัก ๆ เลยคือคุณภาพและราคา ถ้าเราอยู่ใกล้เขา มีการรักษาที่ได้มาตรฐานในราคาที่เขาจ่ายได้ มันก็ตอบโจทย์สิ่งที่เขาต้องการ ซึ่งเราพยายามทำให้ได้ครบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและคนไข้ ให้มั่นใจว่า เมื่อมาที่นี่แล้วทุกคนต้องหายกลับไป และมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนเดิม”

รับชมในรูปแบบ Video