The Business Plus บิสิเนสพลัส
“ปีที่ผ่านมา ถ้านับเฉพาะบริษัทใหญ่ ๆ พันธวณิชทำ Smart Cost Saving ให้กับลูกค้าไม่ต่ำกว่า 3,800 ล้านบาท ผ่าน eProcurement, eAuction Platform เทคโนโลยี AI & RPA และทีมที่ปรึกษาพันธวณิช เป็นการบูรณาการร่วมกันเพื่อทำให้ลูกค้าได้ผลกำไรเพิ่มขึ้นจากการทำ Smart Cost Saving”
Cost Saving หรือการลดต้นทุนของบริษัทในทุกวันนี้ ถือเป็นหัวใจสำคัญในเพิ่มรายได้ให้กับทุกบริษัทบนโลก และหนึ่งในบริษัทที่เชี่ยวชาญงานด้านนี้ในประเทศไทยมากที่สุด หรืออาจจะบอกว่าเชี่ยวชาญในอาเซียนมากที่สุด คงต้องยกให้กับ บริษัท พันธวณิช จำกัด ภายใต้การดำเนินงานของ อภิสิทธิ์ คุปรัตน์ กรรมการผู้จัดการ โดยบริษัท พันธวณิช จำกัด ถือเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการลดต้นทุนการจัดซื้อ การันตีผ่านผลงานที่โดดเด่นในปี 2562 ที่ผ่านมาของบริษัท ที่สามารถลดต้นทุนการจัดซื้อให้กับลูกค้าได้สูงถึง 3,800 ล้านบาท จากการใช้ระบบ eProcurement, eAuciton และ Cost Reduction Professional Services
ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี พันธวณิชได้รับความไว้วางใจในการให้บริการกับลูกค้าขนาดใหญ่จนถึงขนาดเล็กในอุตสาหกรรมชั้นนำต่าง ๆ ใน 13 ประเทศ เช่น อุตสาหกรรมการธนาคาร โทรคมนาคม อุตสาหกรรมการผลิต ค้าปลีกและค้าส่ง พลังงาน ตลอดจนภาคการศึกษา เป็นต้น เราได้พัฒนาแพลตฟอร์มแบบครบวงจร ตั้งแต่ระบบสรรหาผู้ขาย ขอใบเสนอราคา ขอซื้อสินค้าและบริการให้ซัพพลายเออร์ออกใบแจ้งหนี้ ไปจนถึงการทำรับสินค้า รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถของแพลตฟอร์มโดยนำเอาเทคโนโลยี AI และ RPA เข้ามาใช้ ตลอดจนการสร้างทีมที่ปรึกษาร่วมกับองค์กรชั้นนำของโลก
แม้จุดมุ่งหมายของเราจะพยายามพัฒนาขีดความสามารถของแพลตฟอร์มและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการจัดซื้อเพื่อแข่งขันในระดับโลก แต่ผลิตภัณฑ์ที่เรามุ่งเน้นไม่ใช่ One Size Fits All กลยุทธ์ของบริษัทคือเน้นการฟังเสียงลูกค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะผู้บริหารและคณะทำงาน สิ่งที่บริษัทได้ยินเสมอคือ ทำอย่างไรที่จะนำเทคโนโลยีมาทำให้ระบบจัดซื้อและการบริหารค่าใช้จ่ายมีผลลัพธ์ที่จับต้องได้ สองคือ การพยายามที่จะเปิดกว้างและหา Innovative เพิ่มทักษะและองค์ความรู้ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า 2 จุดนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของพันธวณิช ซึ่งพันธวณิชถือว่าเป็นองค์กรเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่มีประสบการณ์เทคโนโลยีและองค์ความรู้ เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการลดต้นทุนการจัดซื้อ
“การจะทำให้เกิดนวัตกรรม ส่วนที่ 1 คือ เราต้องไม่พอใจในสิ่งที่มีในปัจจุบัน ซึ่งถ้าเราพอใจก็จะไม่เกิดนวัตกรรม ส่วนที่ 2 คือการจะเป็น Game Changer เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้สิ่งที่เรามีอยู่มันดีขึ้นในทุก ๆ วัน และทำให้เกิดขึ้นได้จริงในองค์กร และส่วนที่ 3 คือเรื่องของเทคโนโลยี ถ้าเราเข้าใจทั้ง 3 ส่วนนี้นวัตกรรมจะเกิดขึ้น อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของความกล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำหรือไม่มีคนทำ จะตอบโจทย์ทั้งหมด” คุณอภิสิทธิ์กล่าวทิ้งท้าย
