The Business Plus บิสิเนสพลัส
‘ทริสเรทติ้ง’ หรือ ‘TRIS’ ระบุ คงอันดับเครดิต บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” พร้อมคงอันดับเครดิตเฉพาะ (Standalone Credit Profile — SACP) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ “AA” เช่นเดิม ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มขึ้น 1 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะ เนื่องจากทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทนั้นเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับสูง (Highly Strategic) ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
โดยอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงตำแหน่งผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันปิโตรเลียมในประเทศไทย ตลอดจนความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่นในตลาดค้าปลีกน้ำมัน และการคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงมีสถานะด้านการเงินที่แข็งแกร่งในระยะปานกลาง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทถูกลดทอนจากความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ผันผวนและผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลต่ออุตสาหกรรมการค้าปลีกน้ำมัน นอกจากนี้อันดับเครดิตเฉพาะยังสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ภาระหนี้สินของบริษัทอาจสูงขึ้นจากการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ด้วย
อย่างไรก็ดี ในการจัดอันดับดังกล่าว ถือเป็นปีที่ 2 ที่ OR ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กร (Company Rating) จาก ‘TRIS’ ที่ระดับ AA+
โดย Business+ ได้ทำการสำรวจข้อมูลผลประกอบการ 5 ปีย้อนหลัง (2562-2566) ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พบว่า
ปี 2562 มีรายได้รวมอยู่ที่ 583,208.75 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 10,895.81 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 432,848.96 ล้านบาท ลดลง 25.78% จากปี 2562 และมีกำไรสุทธิ 8,791.07 ล้านบาท ลดลง 19.32% จากปี 2562
ปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 515,279.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.04% จากปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 11,474.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.52% จากปี 2563
ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 793,418.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.98% จากปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 10,370.40 ล้านบาท ลดลง 9.62% จากปี 256
ปี 2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 774,423.18 ล้านบาท ลดลง 2.39% จากปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 11,094.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.98% จากปี 2565
โดย ‘TRIS’ ระบุว่า EBITDA ของ OR ในปี 2566 มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลจากการฟื้นตัวของปริมาณการขายน้ำมัน และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้น ของธุรกิจ Lifestyle โดยปริมาณจำหน่ายน้ำมันในประเทศของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 3% มาอยู่ที่ 27,642 ล้านลิตร ซึ่งเป็นระดับที่เทียบเท่ากับช่วง ก่อนเกิดโรคระบาด ทั้งนี้ EBITDA ของบริษัทอยู่ที่ 2.22 หมื่นล้านบาทในปี 2566 เพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่อัตราส่วน EBITDA ต่อ รายได้ (EBITDA Margin) อยู่ที่ 2.9% ซึ่งยังคงสอดคล้องกับระดับกำไรในอดีต
ทั้งนี้ ‘TRIS’ คาดการณ์ว่าในระหว่างปี 2567-2569 ปริมาณจำหน่ายน้ำมันในประเทศของบริษัทจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2%-3% ต่อปี ภายใต้ สมมติฐานในการเปิดสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่ประมาณ 90-100 แห่งต่อปี ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันต่อสถานีโดยเฉลี่ยมีความเป็นไปได้ที่จะลดลง ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้นและศักยภาพของพื้นที่ใหม่ที่ด้อยลงกว่าเดิม ทั้งนี้ EBITDA ของธุรกิจ Lifestyle มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่าง ต่อเนื่องจากการขยายร้านคาเฟ่ อเมซอน นอกจากนี้ ในประมาณการกรณีฐานของทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันโลกจะลดลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า รายได้ต่อปีของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในช่วง 7.2-7.6 แสนล้านบาทตลอดระยะเวลาประมาณการ โดย EBITDA คาดว่าจะอยู่ในช่วง 2.2-2.4 หมื่นล้าน บาทต่อปี
อนึ่ง OR เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่ โดยปัจจุบัน OR มีสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ พีทีที สเตชั่น กว่า 1,900 สาขา ทั่วประเทศไทย
อีกทั้งมีสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ ติดตั้งสะสมแล้วทั้งสิ้น ณ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 859แห่ง เป็น DC Fast Charge จำนวน 1,618 หัวชาร์จ แบ่งเป็นในสถานีบริการ จำนวน 681 แห่ง (เปิดใช้งานแล้ว 545 แห่ง) และนอกสถานีบริการ จำนวน 178 แห่ง (เปิดใช้งานแล้ว 160 แห่ง) และปัจจุบัน OR ได้ขยาย EV Station PluZ ครอบคลุมแล้ว 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในส่วนของศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto มีจำนวนทั้งสิ้น 97 สาขา
ที่มา : trisrating, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, pttor
เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/
#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #OR #ปตทน้ำมันและการค้าปลีก #ทริสเรทติ้ง #TRIS
