The Business Plus บิสิเนสพลัส
ในโลกปัจจุบัน หลายสิ่งล้วนขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ต้องอาศัยการค้นคว้าและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแวดวงที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์หรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมักจะต้องการเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยต้องมีทั้งประสิทธิภาพและเสถียรภาพที่ทำให้การใช้งานไม่สะดุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องใช้งานด้านกราฟฟิกเยอะ ๆ หรือกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมที่มักจะมองหาเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์เสริมที่มีคุณภาพสูงกว่าการใช้งานทั่ว ๆ ไป ทำให้ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่หันมาให้ความสนใจในอุตสาหกรรมด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วตามความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แต่แม้ว่าจะมีผู้เล่นรายใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หนึ่งในผู้เล่นหลักระดับโลกอย่าง ‘Nvidia’ กลับยังยืนหยัดอย่างมั่นคงบนธุรกิจเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มายาวนานถึง 30 ปี และยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2023 นี้ บริษัทแห่งนี้มีการเติบโตทั้งในแง่ของผลประกอบการและราคาหุ้นในตลาด Nasdaq อย่างก้าวกระโดด จนมูลค่าตลาด (Market Cap) ทะลุหลักล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้า Meta และ Tesla ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย และในวันนี้ Business+ จะพาทุกท่านไปรู้จักกับบริษัทแห่งนี้กัน
‘Nvidia’ เป็นบริษัทผู้ผลิตโปรเซสเซอร์กราฟิก เทคโนโลยีมือถือ และคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปสัญชาติอเมริกัน มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาวงจรรวมที่นำไปใช้ทั้งในคอนโซลเกมอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) และยังเป็นผู้ผลิตชั้นนำด้านหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ระดับไฮเอนด์ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
สำหรับช่วงเวลาที่สำคัญของ ‘Nvidia’ ได้แก่
ปี ค.ศ. 1993
‘Nvidia’ ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1993 โดยนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอเมริกันทั้ง 3 ได้แก่ Jensen Huang, Chris Malachowsky และ Curtis Priem ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะนำกราฟิก 3D มาสู่ตลาดเกมและมัลติมีเดีย
ปี ค.ศ. 1999
ประดิษฐ์ GPU ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลกราฟิกที่จะกลายมาเป็นตัวกำหนดทิศทางในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์
ปี ค.ศ. 2006
เปิดตัว CUDA (Compute Unified Device Architecture) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการประมวลผลแบบขนานและเป็นส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ให้สามารถใช้งานหน่วยประมวลผลกราฟิกในงานประมวลผลทั่วไปได้ โดย CUDA ถูกสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำงานให้กับนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ด้วยการทำหน้าที่เสมือนเป็นเลเยอร์ซอฟต์แวร์ให้สามารถส่งคำสั่งไปให้ GPU ทำงานแบบขนานได้
ปี ค.ศ. 2012
รุกวงการ Generative AI ด้วย ‘NVIDIA AI’ ที่ได้นำความก้าวหน้าที่ล้ำสมัยมาสู่ทุกองค์กร ด้วยนวัตกรรมในทุกเลเยอร์ ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI, ซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม AI และโมเดลบริการ AI ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มได้ทุกชั้นและทุกที่ ทั้งบนคลาวด์สาธารณะและคลาวด์ส่วนตัว
ปี ค.ศ. 2018
เปิดตัวเทคโนโลยี ‘NVIDIA RTX™’ ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันรุ่นใหม่ที่จำลองโลกทางกายภาพด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน ผ่านการปรับปรุงล่าสุดใน AI, Ray Tracing และการจำลอง เทคโนโลยี RTX ช่วยให้สามารถออกแบบ 3D ที่น่าทึ่ง การจำลองเสมือนจริง และเอฟเฟ็กต์ภาพที่น่าทึ่งได้เร็วกว่าที่เคย โดย ‘NVIDIA RTX™’ ถือเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญที่สุดของ ‘Nvidia’ ในด้านคอมพิวเตอร์กราฟิก
ปี ค.ศ. 2022
เปิดตัว ‘NVIDIA Omniverse™’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้บุคคลและทีมพัฒนาเวิร์กโฟลว์และแอปพลิเคชัน 3D ที่ใช้ Universal Scene Description (OpenUSD) โดย ‘NVIDIA Omniverse™’ ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีบทบาทสำคัญในการสร้าง Metaverse
โดยสิ่งที่ทำให้ ‘Nvidia’ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงกว้างคือหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันเนื่องจากผู้คนหันไปให้ความสนใจกับสกุลเงินดิจิทัลเป็นจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นในบุคคลทั่วไป หรือผู้ที่ยึดการเล่นเกมเป็นหลักอย่างอาชีพเกมเมอร์ (Gamer) ที่มีความต้องการในส่วนของสเปคคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริมค่อนข้างสูง ต่างก็เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ ‘Nvidia’ เป็นจำนวนมาก จากชื่อเสียงในด้านของการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ รวมถึงประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับสูงที่เป็นจุดแข็งของผู้ผลิตแห่งนี้ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดึงดูดผู้คนในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ ‘Nvidia’
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ ‘Nvidia’ มีผลงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา คือในส่วนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีบทบาทสำคัญกับหลายอุตสาหกรรมอย่างชิป (Chip) ที่ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายถึงกับกุมขมับจากปัญหาขาดแคลนชิปอย่างหนักก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้การผลิตต้องชะงักลง หรือแม้แต่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนก็ตาม ล้วนส่งผลให้เกิดแรงซื้อในส่วนของผลิตภัณฑ์ชิป (Chip) ของ ‘Nvidia’ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ‘Nvidia’ เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ โดยในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกับ ‘Nvidia’ ในแง่ของมูลค่าตลาด (Market Cap) ที่เติบโตจนทะลุหลักล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยข้อมูล ณ วันที่ 1 ธ.ค.2023 ‘Nvidia’ มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รู้จักกันดีอย่าง Meta ที่มีมูลค่าตลาดในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 8.41 แสนล้าน และ Tesla ที่มีมูลค่าตลาดในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 7.51 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากราคาหุ้น ‘Nvidia’ ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 245% ในปีนี้
ด้านผลประกอบการณ์ของ ‘Nvidia’ ในไตรมาส 3 ปี 2023 (สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค. 2023) มีรายได้รวมอยู่ที่ 18,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 206% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2022 และเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2023 และถือเป็นการทุบสถิติสูงสุดในแง่ของการทำกำไรสุทธิในไตรมาสเดียวทะลุ 9,243 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 3/2023 นี้อีกด้วย
สำหรับผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นในไตรมาส 3/2023 นี้ ถือเป็นการเติบโตที่สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 3/2023 ของ ‘Nvidia’ จะเติบโต 172% อยู่ที่ระดับ 16,200 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ถึงผลประกอบการณ์ ‘Nvidia’ ในไตรมาส 4/2023 โดยคาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นเกือบ 200% ซึ่งเป็นตัวเลขรายได้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ ‘Nvidia’ คาดว่ารายได้ในไตรมาส 4/2023 ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา : nvidia, InfoQuest
เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/
#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #Nvidia #NASDAQ #หุ้น #GPU #ชิป #การ์ดจอ #เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ #ซอฟต์แวร์ #ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
