‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย’ พัฒนาต่อยอดนวัตกรรม สู่ผู้นำยานยนต์แห่งอนาคต

ธุรกิจยานยนต์ ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่นอกจากจะต้องยืนหยัดให้ได้อย่างมั่นคงแล้ว ยังต้องศึกษาเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ได้อย่างทันสมัยและตอบโจทย์ลูกค้า ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย’ ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่ง ที่มีกลยุทธ์และแผนงานที่ชัดเจนทั้งในแง่ของความยั่งยืน ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ และด้านการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง สู่การพัฒนานวัตกรรมสู่โลกอนาคต

มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในแง่ของความยั่งยืนในองค์กร คือการวางกลยุทธ์อย่างรอบด้าน โดยตั้งเป้าหมายในการสร้างสังคมที่ดีและยั่งยืนขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือ โดยดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 61 ปี ได้รับการสนับสนุนจากคนไทยและประเทศไทย ทำให้ธุรกิจเติบโตและขยายตัวต่อเนื่อง

“เรารู้สึกซาบซึ้งใจต่อการสนับสนุนทั้งหมดที่มีต่อบริษัทฯ มาตลอดระยะเวลา 61 ปีที่ผ่านมา”

นอกจากนี้ ยังมีส่วนในการสนับสนุนสังคมไทยผ่าน 7 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ การจ้างงาน (Employment), การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human resources development), การลงทุน (Investment), การถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology transfer), การส่งออก (Export), การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Environment preservation) และการช่วยเหลือสังคม (Social contribution) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

ด้านการจ้างงาน (Employment)

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สร้างการจ้างงานแล้วมากกว่า 6,300 ตำแหน่ง ครอบคลุมกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ตั้งแต่ซัพพลายเออร์ ไปจนถึงเครือข่ายผู้จำหน่าย

ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human resources development)

จัดตั้งสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม ภายใต้ชื่อ Education Academy โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสามารถของพนักงานเพื่อก้าวสู่ระดับบริหาร

ด้านการลงทุน (Investment)

เปิดตัวโรงพ่นสีแห่งใหม่ และจะเดินหน้าลงทุนผลิตรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology transfer)

รถยนต์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ ในอัตราที่ค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หลัก อาทิ มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ มิราจ และมิตซูบิชิ แอททราจ ใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 90% อีกทั้งยังผลิตรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด OUTLANDER PHEV ในประเทศ ตั้งแต่ปี 2563 อีกด้วย

ด้านการส่งออก (Export)

เป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยเป็นรายแรก เมื่อปี 2531 และยังคงเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ของประเทศไทยไปยังกว่า 120 ประเทศ

ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Environment preservation)

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ OUTLANDER PHEV ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุด และติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ศูนย์การผลิตรถยนต์ของบริษัทอีกด้วย

ด้านการมีส่วนร่วมกับสังคม (Social contribution)

มีการจัดตั้ง ‘มูลนิธิมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย’ โดยมุ่งมั่นตั้งใจทำกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

สร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง จุดแข็งการแข่งขัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ส่งมอบการผลิตรถยนต์คุณภาพสูง และมีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด พร้อมทั้งจุดขายที่ไม่เหมือนใครในด้านสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเลิศ รวมทั้งคุณสมบัติที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าหลักภายใต้แนวคิด ‘Mitsubishi Motors-ness’ ซึ่งได้แก่ ความรวดเร็ว (Fast), ความเข็งแกร่ง (Robust), และความสะดวกสบาย (Comfort)

โดยผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบันของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับการการันตีว่ามีคุณภาพสูง จากการสำรวจคุณภาพแรกใช้ผลิตภัณฑ์ หรือ The Initial Quality Satisfaction (IQS) ภายใต้รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม Thailand Automotive Quality Award (TAQA) ประจำปี 2564 ซึ่งได้แก่ รถยนต์รุ่น Mitsubishi Xpander, Pajero Sport, Triton Extended Cab และ Double Cab โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Mitsubishi Pajero ได้รับการจัดอันดับคุณภาพสูงสุดในกลุ่ม SUV ขนาดใหญ่ ผ่านการศึกษาโดย J.D. Power 2021 Thailand Initial Quality Study (IQS)

ให้ความสำคัญลูกค้า กลยุทธ์หลักสู่ความสำเร็จ

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยึดการเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าเป็นกลยุทธ์หลักของการเจริญเติบโตทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทุก ๆ Customer Touchpoint  ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของลูกค้า เริ่มตั้งแต่การสื่อสารที่จะทำให้ลูกค้าสนใจรถยนต์ และเข้ามาเยี่ยมชมรถยนต์ที่เครือข่ายผู้จำหน่าย การพัฒนาผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลาย รวมไปถึงความพึงพอใจในบริการขาย และบริการหลังการขาย ซึ่งส่วนประกอบต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า

ต่อยอดพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า จากรุ่นแรกสู่การเปลี่ยนแปลงระบบ

ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เริ่มทำการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และเปิดตัว Mitsubishi i-MiEV ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ผลิตเพื่อการจำหน่ายในปี พ.ศ. 2552 จนนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) หรือที่รู้จักกันในนาม OUTLANDER PHEV

ซึ่งบริษัทมีแผนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับตลาดประเทศไทย โดยเริ่มผลิตและจำหน่ายรถยนต์ OUTLANDER PHEV  ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า ประเภท PHEV ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ภายใต้สถานการณ์เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของไทยในปัจจุบัน ลูกค้าสามารถขับขี่ในโหมดของระบบไฟฟ้า 100% สำหรับการขับขี่ในเมือง หรือการขับขี่ระยะไกลแบบรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) โดยที่ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องสถานีชาร์จ

นอกเหนือจากการเริ่มต้นด้วยระบบพีเอชอีวี (PHEV) ยังมีแผนที่จะขยายไลน์รถยนต์ไฟฟ้าไปสู่ ระบบรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) ไปทีละขั้น โดยมีความตั้งใจที่จะปรับเปลี่ยนรถยนต์นั่ง (Passenger car) ทั้งหมดเป็นระบบไฟฟ้า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป

ความมุ่งมั่นตั้งใจของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ บนพื้นฐานของการยึดเอาความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ส่งผลให้บริษัทยังคงยืนหยัดบนอุตสาหกรรมยานยนต์มาได้อย่างมั่งคงยาวนาน ควรค่าแก่รางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2022 ประเภทรางวัลแห่งความเป็นเลิศ “CORPORATE SUSTAINABILITY AWARD”