กุญแจสำคัญที่ทำให้เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (Major Cineplex Group) เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภคได้ เกิดจากการสะสมความเชื่อมั่นที่มีผลมาจากการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง นำเสนอ ‘คุณค่า’ ที่แท้จริง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าทุกคน เห็นได้ชัดจากการยกระดับมาตรฐานใหม่ ๆ ในหลายมิติ และล่าสุดกับภารกิจการผลักดันและพัฒนาหนังไทย (Tollywood) โปรดักชันคุณภาพ ในฐานะภาพยนตร์คุณภาพ ให้ไปสู่ระดับโลก (World Class)
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (Major Cineplex Group) ผู้นำอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย มีความสามารถในการแข่งขันและมีข้อได้เปรียบหลายด้านที่ทำให้โดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาดโรงภาพยนตร์ มีหลายเหตุผลที่ทำให้คู่แข่งยังไม่สามารถเอาชนะเมเจอร์ได้ แม้ว่าธุรกิจนี้จะมีการแข่งขัน แต่เมเจอร์ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดได้อย่างต่อเนื่องทุกปี ด้วยเหตุผลสนับสนุน อาทิ
- เครือข่ายโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุด จำนวนสาขาและที่ตั้ง โดยเมเจอร์มีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทั้งในรูปแบบ Stand Alone หรือสาขาในศูนย์การค้าหลากหลายรูปแบบ
- เทคโนโลยีและคุณภาพของโรงภาพยนตร์ เมเจอร์เป็นผู้นำในด้านการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ อาทิ ระบบภาพ IMAX with Laser, 4DX, ScreenX, Dolby Atmos หรือ Laserplex รวมถึงการบริการแบบ VIP Cinema ทางเมเจอร์พร้อมเสิร์ฟบริการอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงที่นั่งสุดหรูสำหรับผู้ชมที่ต้องการประสบการณ์ที่เหนือกว่า
- กิจกรรมและโปรโมชันที่หลากหลาย เมเจอร์มีโปรโมชันที่หลากหลายเพื่อดึงดูดผู้ชม ทั้งการขายบัตรชมภาพยนตร์ในราคาพิเศษ การแลกของรางวัลจากบัตรสมาชิก M Gen หรือโปรโมชันร่วมกับพาร์ตเนอร์เสมอ
- การพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า โดยเมเจอร์พัฒนา Applications Major Cineplex ที่สะดวกสบาย ทำให้การซื้อบัตรชมภาพยนตร์ การเลือกที่นั่ง การชำระเงิน และการดูโปรโมชันต่าง ๆ เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว หรือแม้แต่ระบบบัตรสมาชิก M Gen ก็มอบสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น ส่วนลดค่าบัตรชมภาพยนตร์และเครื่องดื่ม ของรางวัลจากคะแนนสะสม ซึ่งช่วยสร้างความภักดีในกลุ่มลูกค้าได้ดี
- Variety and Exclusivity Content คอนเทนต์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม และคอนเทนต์แบบ Exclusivity ได้สิทธิ์การฉายเฉพาะที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น จึงทำให้ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษ
ทั้งนี้ รายได้รวมของเมเจอร์มาจาก 4 แหล่งหลัก คือ
- รายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์
- รายได้จากการจำหน่ายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม (Concession)
- รายได้จากการโฆษณาและสปอนเซอร์
- รายได้จากการเช่าพื้นที่และบริการอื่น ๆ
ซึ่งปกติรายได้ก่อนเกิดการระบาดของ Covid-19 (ปี 2019) เมเจอร์มีรายได้ 60-70% มาจากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์และป๊อปคอร์น เครื่องดื่มในโรงภาพยนตร์ ที่เหลือเป็นรายได้จากการโฆษณาและบริการอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 จนถึงปัจจุบัน รายได้ของเมเจอร์กลับมาเป็นปกติแล้ว ทั้งนี้ Big Move สำคัญจากนี้จึงเป็นที่มาของความร่วมมือสร้าง Original Contents ที่ทางเมเจอร์ ซึ่งมี M Studio บริษัทในเครือ จะร่วมกับพันธมิตรเพื่อผลิต Contents ใน Scale ใหญ่ขึ้น มีมิติของเนื้อหาที่น่าสนใจ ตรงกับความต้องการของคนไทยมากขึ้น
โดยคุณนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ยอมรับว่า ทิศทางของเมเจอร์คาดหวังรายได้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย โดยประเมินยอดขายตั๋วจะเพิ่มขึ้นจาก 15-25% เป็น 55% เปรียบเทียบกับยอดขายเมเจอร์ในปีนี้
และหากไปในทิศทางที่ประเมินนี้ เมเจอร์มองว่า เป้ายอดขายตั๋วหนังปีนี้ คาดว่าจะเทียบเท่ากับปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่มียอดขายตั๋วสูงที่สุดตั้งแต่เปิดบริษัทมา ด้วยจำนวนสถิติ 39 ล้านใบ ซึ่งเป้าหมายจำนวนนี้ เมเจอร์ประเมินบนพื้นฐานของกระแสตอบรับคนที่เข้ามาชมภาพยนตร์มากมาย โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทยในปีนี้ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีมากๆ
คำกล่าวของคุณนรุตม์เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า เมเจอร์กำลังสร้างความได้เปรียบใหม่ เป็นการบริหารจัดการทั้ง Supply Chain ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง ช่อง 3, เวิร์คพอยท์, โมโน29 และกำลังจะมีช่องทีวีและผู้ผลิตอีกหลายรายมาร่วมด้วย โดยปีนี้เตรียมภาพยนตร์ไทยกว่า 10 เรื่อง พร้อมเข้าฉายจนถึงสิ้นปี และในปีหน้า 2568 คาดว่าจะผลิตหนังไทยได้มากถึง 24 เรื่อง
คุณนรุตม์ได้กล่าวทิ้งท้ายกับ Business+ ว่า “เราใช้กลยุทธ์ First Window คือการฉายภาพยนตร์ในโรงหนังก่อน และกว่าจะนำไปสู่แพลตฟอร์มอื่น ๆ จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน และเราเชื่อว่า โรงภาพยนตร์จะยังคงเป็นช่องทางหลักที่ดึงดูดให้ผู้ชมกลับมาชมภาพยนตร์ในโรงเสมอ แม้ว่ายุคนี้จะเป็นยุคดิจิทัล
นอกจากเรื่อง Cashless แล้ว เมเจอร์มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่เน้นการใช้งานผ่านมือถือเป็นหลัก (หรือ Mobile Ticketing)เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และคาดหวังที่อยากจะให้ลูกค้าหันมาซื้อตั๋วผ่าน Application Major Cineplex มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าที่ซื้อตั๋วผ่านแอปพลิเคชันสามารถสแกนตั๋วและเดินเข้าโรงภาพยนตร์ได้ทันที
สำหรับความร่วมมือเพื่อผลิตเนื้อหาแบบฉบับโลคัลร่วมกับพันธมิตรทั้งหลาย ทางเมเจอร์มองมิติในการแข่งขันว่า ขณะนี้เป็นช่วงที่มีโมเมนตัมที่ดี โดยการผลิตภาพยนตร์ไทยและมุ่งไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น นั่นหมายความว่า เราศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าและปรับตามความต้องการของลูกค้า เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมายความว่า เมเจอร์ Utilized บริหารจัดการ Data แล้วกระจายออกไปหากลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ
และด้วยแผนกลยุทธ์นี้ เราคาดการณ์ว่า ไม่เกิน 2 ปีจากนี้ เราต้องการบาลานซ์สัดส่วนของภาพยนตร์ไทยกับภาพยนตร์ต่างประเทศให้อยู่ที่ประมาณ 50:50 เพื่อให้แข็งแรงและยั่งยืนในระยะยาว” คุณนรุตม์กล่าวทิ้งท้าย
ผู้เขียน : ศิษฎา บัวขาว
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ #MajorCineplexGroup