เจาะลึกความสำเร็จ ‘มิชลิน’ กับกลยุทธ์สู่เส้นทางผู้นำในตลาดและแบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้า

‘มิชลิน’ (MICHELIN) ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางล้อระดับโลกที่มีการก่อตั้งมายาวนานกว่า 135 ปี และได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ ‘บริษัท สยามมิชลิน จำกัด’ ตั้งแต่ปี 1987 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มิชลินประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขาย และเป็น
แบรนด์ยางรถยนต์ที่ครองใจผู้บริโภคในบ้านเรามาอย่างยาวนาน

อะไรคือ Key Success ที่ทำให้มิชลินสามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง และก้าวมาเป็นเบอร์ 1 ในใจผู้บริโภคในประเทศไทยตลอด 37 ปี

คุณชาญวิทย์ สุขุมรัตนาพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด B2C บริษัท สยามมิชลิน จำกัด กล่าวว่า การที่มิชลินเป็นผู้นำในตลาดยางรถยนต์และสามารถครองใจผู้บริโภคมายาวนานได้นั้น เนื่องจากมิชลินเชื่อมั่นว่า รากฐานที่สำคัญคือ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหนือกว่าคู่แข่ง” จนทำให้แบรนด์และองค์กรได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน 

“มิติหนึ่งเรามีสินค้าและบริการที่ชูโรง คือ ยางคุณภาพสูง สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คุ้มค่าคุ้มราคาแล้ว และแบรนด์ยังให้ประสบการณ์ในการขับขี่เหนือระดับแบบไม่เหมือนใคร ซึ่งการที่เราทำได้ดีกว่าคู่แข่งหลายเรื่อง เช่น มีสินค้าหลากหลายครอบคลุม ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่ยางรถจักรยาน ยางมอเตอร์ไซต์ ยางรถยนต์ ที่รองรับทั้งรถยนต์สันดาป รถไฟฟ้าและไฮบริด ยางรถบรรทุก ยางเครื่องบิน ยางนอกทางหลวง ยางรถไฟฟ้า ไปจนถึงยางเครื่องสำรวจดาวเคราะห์ หมายความว่า เราได้ส่งมอบคุณค่าผ่านสินค้าและบริการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องในราคาที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ดังนั้น เมื่อผู้บริโภคต้องตัดสินใจซื้อหรือเปลี่ยนยางใหม่ก็มักจะนึกถึงมิชลินเป็นอันดับต้น ๆ เสมอ”

 

มิชลินมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเหนือกว่าคู่แข่งอย่างไร?

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน คุณชาญวิทย์ได้ยกตัวอย่างว่า ยางรถยนตร์สำหรับรถ EVที่ก่อนหน้านี้หลายคนมีความเชื่อว่า รถ EV ต้องใช้ยางที่ผลิตมาสำหรับรถประเภทนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมิชลินก็เชื่อเรื่องนี้เช่นเดียวกัน และได้แนะนำ MICHELIN PILOT SPORT EV ซึ่งเป็นยางติดรถ EV โดยเฉพาะอย่าง TESLA ออกสู่ตลาดเมื่อปี 2021 แต่หลังจากศึกษาและพัฒนาต่อเนื่อง เราพบว่า ปัจจุบันยางมิชลินทุกรุ่นสามารถรองรับการใช้งานกับรถ EV ได้ เพราะออกแบบมาให้มีสมรรถนะสูงรอบด้าน เพื่อเสริมประสบการณ์ขับขี่ได้เต็มประสิทธิภาพ มีความทนทาน มีแรงต้านการหมุนต่ำ ช่วยเพิ่มระยะทางของการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มีการใช้เทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารที่เกิดจากยางล้อ อย่างเทคโนโลยี  MICHELIN Acoustic เป็นต้น ขณะที่บางแบรนด์อาจต้องมีการปรับหรือพัฒนายางรุ่นใหม่ออกมาเพื่อให้สามารถใช้ได้กับรถ EV

“ด้วยตัวรถต้องแบกน้ำหนักของแบตเตอรี่ บวกกับแรงบิดเร่งที่สูงและต้องทำได้เร็ว ทำให้หากใช้ยางทั่วไปกับรถ EV อายุการใช้งานจะสั้นลง 20% และด้วยตัวรถเงียบ เนื่องจากไม่มีเสียงเครื่องยนต์ อาจเกิดปัญหาเสียงเข้าห้องโดยสารได้ง่ายกว่า ดังนั้น ยางที่ใช้กับ EV จึงต้องเกิดเสียงน้อยมาก ยังมีเรื่องประหยัดพลังงาน โดยเรื่องเหล่านี้เป็นความท้าทายของยางรถ EV ซึ่งมิชลินทุกรุ่นทำได้ดีอยู่แล้ว และต้องย้ำว่า นวัตกรรมของเราเหนือคู่แข่ง ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเรื่อยมา”

ไม่เพียงมีนวัตกรรมที่เหนือกว่าคู่แข่งเท่านั้น แต่ยังมีการเพิ่มพลังและความแข็งแกร่งให้ทั้งตัวธุรกิจและแบรนด์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ All Sustainable ประกอบด้วย 3 แกนหลัก ได้แก่ People-Profit-Planet เป็นอีกเรื่องที่มิชลินให้ความสำคัญ โดยคุณชาญวิทย์อธิบายเพิ่มเติมว่า

People – การให้ความสำคัญกับผู้คนที่เกี่ยวข้อง ทั้งคนในองค์กร และดีลเลอร์ ซึ่งคนในองค์กรมิชลินจะดูแลให้พนักงานได้รับความเท่าเทียม ทั้งด้านการจ้างงาน การยอมรับในความหลากหลายของบุคคล และการเติบโต รวมถึงมีการเพิ่มสัดส่วนพนักงานผู้หญิงในโรงงาน และเพิ่มผู้บริหารหญิงในระดับ Top Management ให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาดีลเลอร์และบริษัทที่เป็นคู่ค้าของแบรนด์ โดยจะเน้นพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน 

Profit – เพื่อสร้างให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ปัจจุบันมิชลินไม่ได้อยู่เฉพาะในธุรกิจยางเพียงอย่างเดียว หรืออยู่ในธุรกิจ Experience & Service ที่มี ‘มิชลิน ไกด์’ เป็นพระเอกอีกต่อไป แต่ได้ขยายสู่ธุรกิจที่เติบโตหรือเป็นเทรนด์ในอนาคต ภายใต้ธีม Life-Changing Composites ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ Feet Medical, Medical Supplies, Equipment, ธุรกิจพลังงานสะอาด หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่ทำให้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

Planet – ทุกกระบวนการ Product Lifecycle ของสินค้ามิชลินทั้งหมด จะต้องก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกให้น้อยที่สุด ตั้งแต่ก่อนการผลิต การผลิตสินค้า ไปจนถึงภายหลังจากสินค้าถูกจำหน่ายออกไป การนำไปใช้งาน กระทั่งสินค้าหมดอายุการใช้งาน รวมถึงกระบวนการทำลาย โดยมิชลินเป็นแบรนด์แรกในไทยที่ยกเลิกการใช้ห่อพลาสติกยางมอเตอร์ไซค์เมื่อปลายปี 2023

รวมถึงความมุ่งมั่นตั้งเป้าในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่มิชลินวางเป็น Roadmap ระยะยาว ซึ่งมิชลินต้องไปให้ถึง เช่น ภายในปี 2050 วัสดุที่นำมาใช้ผลิตยางทั้งหมดของมิชลินจะต้องเป็นวัสดุยั่งยืน(Sustainable Materials) ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้แบบ 100% และภายในปีเดียวกันจะต้องบรรลุเป้าหมาย Net Zero เป็นต้น

“วิธีคิดในการขยายธุรกิจของเราจะแบ่งออกเป็น 3 แนว คือ

  1. About Tire ธุรกิจยาง
  2. Around Tire ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับยาง เช่น ธุรกิจ Feet, การทำแพลตฟอร์มออนไลน์ขายยาง ฯลฯ
  3. Beyond Tire ธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยาง เช่น Medical, Medical Supplies, Equipment, ธุรกิจพลังงานสะอาด, แพลตฟอร์มรีวิวร้านอาหารและโรงแรม ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการตอบโจทย์วิชั่น Life-Changing Composites เพราะเรามีความเชื่อว่า สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือการผสมผสานเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ หรือสินค้าใหม่ที่เปลี่ยนชีวิตผู้คนให้ดีขึ้น เรายังยึดมั่นแนวทางนี้ เพื่อสร้างธุรกิจให้ยั่งยืนและคืนกลับสู่สังคม”

คุณชาญวิทย์บอกว่า นอกจากการนำเสนอโปรดักต์คุณภาพสูงที่มีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องแล้ว มิชลินจะให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องของแบรนด์ เพื่อให้มิชลินคงความเป็นผู้นำในตลาดยางรถยนต์ และเป็น Top of Mind ที่สามารถครองใจผู้บริโภคไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยในปีนี้นำเสนอภายใต้คอนเซปต์ Performance Made To Last หรือ PMTL ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำให้ลูกค้ามั่นใจว่า ยางทุกเส้นของมิชลินก็จะให้ความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นยางใหม่หรือผ่านการใช้งานจนเกือบจะหมดดอกยาง เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจทั้งในด้านความปลอดภัยและสมรรถนะที่ดีเยี่ยมยาวนาน ตั้งแต่วันแรกที่ใช้จนถึงวันเปลี่ยนยางรอบถัดไป ซึ่งเป็นการช่วยลดขยะที่เกิดจากยางรถไปในตัว

“คนไทยส่วนใหญ่จะเปลี่ยนยางหลังจากใช้ไปแค่ 60% เพราะกังวลในเรื่องความไม่ปลอดภัย แน่นอนการเปลี่ยนยางก่อนกำหนดก่อให้เกิดปัญหาขยะ แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้มิชลินที่สามารถใช้งานได้จนถึงกำหนดได้อย่างมั่นใจ จะช่วยลดขยะจากการเปลี่ยนยางบ่อยเกินความจำเป็นให้กับโลก เป็นสิ่งที่เราอยากจะสื่อสารว่า

ยางของเราไม่เพียงดีต่อผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังดีต่อโลกด้วย เพราะสุดท้ายมิชลินเชื่อว่า ธุรกิจจะอยู่รอดและสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ประเด็นสำคัญต้องคำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ของเราด้วย เนื่องจากหากโลกอยู่ไม่ได้ ธุรกิจก็ไม่สามารถอยู่ได้เช่นกัน”

บทสรุปที่เราคุยกับคุณชาญวิทย์สะท้อนให้เห็นว่า ทั้งหมดเป็นกลยุทธ์สร้างความสำเร็จในยุคใหม่ของมิชลิน

 

ผู้เขียน : ณัฐสุดา เพ็งผล

ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #มิชลิน #MICHELIN #MICHELIN_PILOT_SPORT_EV