Building a Sustainable Future Through Digital Transformation ยุคเปลี่ยนผ่านสู่โลกใบใหม่ของ KTC

ถ้าพูดถึงผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิต แน่นอนว่า KTC โดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นแบรนด์ที่ทุกคนนึกถึง เป็นองค์กรระดับแถวหน้าของประเทศไทย ที่สำคัญ KTC สามารถสร้างผลประกอบการและกำไรได้อย่างดีมากตลอดหลายปีผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ปี 2024 นับเป็นปีที่ KTC เผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้ 20,433 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีรายได้ 18,755 ล้านบาท ขณะที่ผลกำไร 9 เดือนแรกปี 2567 ทำได้ 5,548 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่ทำได้ 5,534 ล้านบาท

จากตัวเลขดังกล่าวถือว่า KTC ยังรักษาผลงานการเติบโตทั้งรายได้รวมและผลกำไรได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ได้เอื้ออำนวยมากนัก

Business+ มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษคุณพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเจาะลึกถึงกลยุทธ์หลักที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ KTC พร้อมวิเคราะห์โอกาสตลาดปี 2568

เติบโตท่ามกลางอุปสรรค

แม้ KTC จะมีผลงานที่ดีในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ทั้งในมิติของยอดขายรวมและกำไรสุทธิ แต่ธุรกิจบัตรเครดิตก็มีเทรนด์เปลี่ยนแปลงตลอดวลา ตลอดจนเงื่อนไขต่าง ๆ ท่ามกลางหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามผลงานโดยรวมถือว่าขยายตัวในระดับที่น่าพอใจ เพราะหากวิเคราะห์จาก NPL ใน 3Q67 อยู่ที่ 1.93% โดยเป็นตัวเลขต่ำกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม ที่สำคัญบริษัทฯ ยังมี ROE อยู่ในระดับสูงถึง 20.1%

หนึ่งในจุดแข็งของ KTC ที่ยังคงรักษาความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรที่ดี คือ ความคล่องตัว เพราะมีทีมงานและผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมสนับสนุน ทั้งในส่วนของธุรกิจบัตรเครดิต, สินเชื่อ KTC PROUD และ KTC P BERM Car for Cash ตลอดจนทีมการตลาดและช่องทางการขายที่ครอบคลุมรอบด้าน

“ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่มีความท้าทายมาก เราเจอในเรื่องเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแออยู่ กำลังซื้อก็ต้องชะลอตัว ซึ่งเราก็ Monitor ตลอดเวลา แต่เมื่อมองถึงภาพรวมใหญ่ก็เห็นว่า เศรษฐกิจเริ่มโตช้าลง เราก็กลับมามองถึงผลงาน ถึงแม้เราไม่ถึงเป้าหมายที่เคยตั้งไว้เมื่อปีที่ผ่านมา แต่อย่างที่ทราบว่า เราเน้นในเรื่องการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ KTC ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ คน กระบวนการ และเทคโนโลยี

วันนี้ KTC เติบโตมาได้ด้วยความแข็งแกร่งจาก 3 ส่วนนี้ และด้วยปัจจุบันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไป มีการนำ AI มาใช้ ซึ่งเราก็นำเทคโนโลยีนี้มาร่วมในหลายกิจกรรม โดยมีการพัฒนาทักษะของบุคลากรให้เข้าใจเทคโนโลยีและการนำมาใช้มากขึ้น โดยในปีนี้เราวางเป้าหมายพัฒนาระบบไอที โดยจะมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้น”
คุณพิทยา ระบุ พร้อมกับบอกว่า สำหรับทิศทางธุรกิจเคทีซีในปี 2568  KTC ได้เตรียมการเพื่อก้าวสู่องค์กรดิจิทัลอย่างยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ Building a Sustainable Future Through Digital Transformation บน
4 แนวทางหลัก ประกอบด้วย

  1. Reach Better : ใช้ช่องทางดิจิทัลในการขยายฐานสมาชิกกลุ่มใหม่ที่นิยมทำรายการด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ด้วยการพัฒนา E-Application ที่ง่าย ไร้รอยต่อ และปลอดภัย สามารถรู้ผลการสมัครได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาและทดสอบเครื่องมือในการประเมินคุณภาพสินเชื่อ (Credit Scoring Model) ใหม่ ๆ เพื่อแสวงหาโอกาสของการขยายฐานสมาชิกที่ยังอยู่ในระดับความเสี่ยงที่รับได้
  2. Grow Healthier : การบริหารฐานข้อมูลสมาชิกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนาบริการใหม่ ๆ บนแอป KTC Mobile ที่ทำให้สมาชิกสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของเคทีซีได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิก และสร้างความมั่นใจในการใช้จ่าย
  3. Bond Tighter : เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของบริการรวมถึงการสื่อสารบนช่องทางออนไลน์ ทั้งผ่านแอป “KTC Mobile” Line Connect, Facebook และเว็บไซต์ www.ktc.co.th เพื่อให้สมาชิกใช้งานง่าย สะดวกและมั่นใจมากขึ้น รวมถึงเครื่องมือที่ช่วยให้ทีมงานคอนแท็กต์เซนเตอร์ (Contact Center) สามารถให้บริการตอบคำถามได้รวดเร็วและถูกต้อง แม่นยำ เพื่อให้สมาชิกได้รับความพึงพอใจมากที่สุด
  4. Work Smarter : เตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือ กระบวนการ และการพัฒนาทักษะ (Upskill) ด้านไอทีให้กับบุคลากรเคทีซีทั้งองค์กร ส่งเสริมการคิดริเริ่มและปรับปรุงกระบวนการทำงาน โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพงาน ลดค่าใช้จ่าย และพัฒนาทักษะของพนักงานให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

โลกเปลี่ยน KTC ปรับ
เมื่อวิเคราะห์จากคำกล่าวของคุณพิทยา ก็จะเห็นว่า บริการบัตรเครดิต ซึ่งเป็น “เสาหลัก” ขององค์กร KTC ได้มองไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น เน้นกลุ่มผู้มีรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป ด้วยการเปิดตัวบัตรเครดิต KTC DIGITAL VISA SIGNATURE และ KTC DIGITAL WORLD REWARDS MASTERCARD ขยายฐานจับกลุ่มสมาชิกพรีเมียม ที่มาพร้อมกับ 3 จุดเด่นประกอบด้วย

1. Digital First ใช้จ่ายได้ทันทีหลังได้รับการอนุมัติผ่านช่องทางออนไลน์ การสแกนจ่ายด้วย QR Pay รวมถึงการผูกบัตรฯ กับระบบชำระเงินบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น กูเกิล เพย์ (Google Pay) หรือสวอทช์ เพย์ (Swatch Pay)

  1. Dynamic CVV (CVC2) ตัวเลขหลังบัตรฯ ที่เป็นรหัสความปลอดภัย จะเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่มีการร้องขอ และสามารถใช้งานได้ภายใน 24 ชั่วโมงต่อการขอ 1 ครั้ง (ไม่จำกัดจำนวนการขอ) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกเมื่อใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และ 3. Numberless Card บัตรพลาสติกใสโปร่งแสง ไม่มีหมายเลขบนหน้าบัตร และไร้แถบแม่เหล็ก เพื่อเสริมความปลอดภัยเมื่อสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ร้านค้าทั่วไป โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวบนหน้าบัตรฯ

จากกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อจับตลาดพรีเมียม สะท้อนถึง KTC จะรุกตลาดกลุ่มนี้อย่างจริงจัง ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง และนั่นกลายเป็นโอกาสสำคัญของ KTC ที่จะแทรกเข้ามาในตลาดกำลังซื้อสูงได้ เพราะหากแบรนด์สามารถเข้าใจและตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้ ก็จะมีโอกาสทางธุรกิจเกิดขึ้นอีกมากด้วยเช่นกัน

“ปีนี้ธุรกิจบัตรเครดิตเจอความท้าทายอย่างมาก และที่สำคัญการแข่งขันในธุรกิจบัตรเครดิตไม่ได้ลดระดับการแข่งขันที่รุนแรงลงเลย ดังนั้น ในการทำการตลาดเราไม่ได้สู้กับบัตรเครดิตอย่างเดียว แต่มีคู่แข่งที่เป็นธุรกิจกลุ่มอื่นเข้ามาในตลาดด้วย ดังนั้น สิ่งสำคัญที่เราจะเน้นการตลาดในปีนี้ จะมีการนำดิจิทัลเข้ามาใช้มากขึ้นในทุก ๆ กระบวนการ”

ด้วยเรื่องราวความสำเร็จของ KTC ทำให้เห็นว่า ปีที่ผ่านมาจะเป็นที่ท้าทายอย่างมาก แต่เมื่อวิเคราะห์ถึงแผนธุรกิจทั้งหมดจะเห็นว่า KTC พยายามจะหา Blue Ocean นั่นก็คือ เน้นกลุ่มผู้มีรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป กับเป้าหมายบัตรใหม่ 100,000 ใบ และเมื่อรวมกับอีก 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ตั้งเป้าเติบโตที่ 3% และ KTC P BERM Car for Cash ผ่านการพลิกโฉมระบบไอทีใหม่ทั้งหมด

หมายความว่า KTC ภายใต้การบริหารของคุณพิทยาได้วาง Key Driver หรือปัจจัยขับเคลื่อน 3 อย่างที่จะทำให้ KTC เติบโตต่อไปได้ในอนาคต คือ 1. เทคโนโลยี 2. บุคลากร และ 3. Data โดยทั้ง 3 องค์ประกอบก็คือ บ่อทองคำ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ KTC ซึ่งหากดำเนินการได้ครบ Value Chain ก็ถือว่า KTC จะเติบโตทั้งในส่วนของ Organic Growth และ Inorganic Growth อย่างไม่ต้องสงสัย

 

เขียนและเรียบเรียง : วิทยา กิจชาญไพบูลย์

ติดตาม Business+ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

Youtube : https://www.youtube.com/@thebusinessplus7829

#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business