เปิดประสบการณ์ Japanese fusion กับ KOI Restaurant Bangkok

KOI Restaurant ร้านอาหาร Japanese fusion ที่เกิดและเติบโตสาขาแรกในลอสแองเจอลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2002 ซึ่งความแปลกใหม่ของอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัยนี้ได้กลายเป็นอีกร้านที่โด่งดังขึ้น จนต้องขยายสาขาออกไปที่ลาสเวกัส อะบูดาบี จนกระทั่งเดินทางมาถึงกรุงเทพมหานคร

โดยสาขาแรกในประเทศไทยตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 20 และขยายสาขาที่สอง ณ อาคารสาทร สแควร์ ชั้น 39 มาพร้อมกับการตกแต่งที่เน้นความหรูหราและวิวเมืองที่สามารถมองข้ามแม่น้ำไปถึงฝั่งธนได้ ภายในเน้นตกแต่งแบบธรรมชาติ เบาะหนังสีดำเป็นตัวแทนของดิน บ่อปลาคราฟเป็นตัวแทนของน้ำ ไม้ก็คือโต๊ะและโคมไฟ มีวิวเมืองและตึกสูงเป็นดังภูเขา เสริมด้วยโลหะเพิ่มความหรูหรามีระดับ เรียกได้ว่าครบทุกองค์ประกอบของฮวงจุ้ย

สำหรับ KOI Restaurant Bangkok สาทร นั้นเพิ่มประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับผู้มาเยือน ด้วยการแบ่งร้านออกเป็นสามโซน มีครบทั้งในส่วนของร้านอาหาร เลานจ์ และ The Club at KOI ครบจนไปจนถึงไนท์ไลฟ์เพียงโลเคชั่นเดียว รวมถึงบริหารห้อง VIP room ที่มาพร้อมจอโทรทัศน์เพื่อความบันเทิงหรือการประชุมงาน สามารถใช้บริการได้ทั้งเวลาอาหาร Lunch และ Dinner เพื่อความเป็นส่วนตัว

Japanese fusion แปลกใหม่ จับใจคนรักอาหารญี่ปุ่น

เชฟ ฮิซาชิ อิวาตะ เป็นเชฟอาหารญี่ปุ่นฟิวชันระดับโลก และเป็นเฮดเชฟของ KOI Restaurant Bangkok ชายหนุ่มผู้ร่วมงานกับ KOI Restaurant สาขาลอสแองเจอลิสในฐานะ Executive Sushi Chef ก่อนจะมาเปิดประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นให้กับประเทศไทย ในตำแหน่งหัวหน้าพ่อครัวที่สาขากรุงเทพฯ เมื่อปี 2010

จากการพูดคุยเล็กน้อยที่เชฟสละเวลาหลังครัวให้ ทำให้เราสัมผัสถึงความตั้งใจในการรังสรรค์เมนูต่าง ๆ ซึ่งเชฟอิวาตะได้นำประสบการณ์และความเข้าใจในอาหารญี่ปุ่นมาปรุงอาหาร โดยยึดเมนูจาก KOI LA คงสูตรต้นตำรับอันโดดเด่นและสร้างสรรค์ไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ปรับรสชาติ เติม Lunch Service ให้ถูกปากคนไทย แต่ไม่ทิ้งความเป็นญี่ปุ่นฟิวชั่นสไตล์แคลิฟอร์เนียน

ซึ่งบางเมนูก็มีเฉพาะแค่ KOI Restaurant Bangkok บ้านเราเท่านั้น โดยแต่ละเมนูใหม่ใช้เวลาคิดค้นไม่ต่ำกว่า 2 เดือน เพื่อปรุงรสชาติให้ออกมาลงตัวและถูกใจคนไทยมากที่สุด โดยที่ยังคงความเป็นญี่ปุ่นและเอกลักษณ์ของ KOI เอาไว้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งสำหรับเมนู Lunch Set ก็มีเสิร์ฟแค่ในเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น

KOI’s Signature Drink

ในครั้งนี้เราได้มาสัมผัสความหรูหราของ KOI ในช่วง Dinner เริ่มต้นแก้วแรกเบา ๆ ด้วย Midnight Train to Sathorn มีเหล้าจิน แอปริคอต น้ำเกรปฟรุต เลมอน และไซรัป เติมความสดชื่นและหอมแอปริคอตและเกรปฟรุ๊ต เสริมด้วยกลิ่นเลมอนบาง ๆ ซึ่งแก้วนี้มีเฉพาะที่ KOI Restaurant Bangkok สาทรเท่านั้น

เข้มข้นขึ้นมาอีกนิดด้วย Tokyohattan เหมือนกับ Manhattan แต่เปลี่ยนเป็นโตเกียวเพื่อให้อารมณ์ของความเป็นญี่ปุ่น อันมีส่วนผสมของวิสกี้ญี่ปุ่น Pimm’s เชอร์รี่เฮียริ่ง และช็อคโกแลตบิทเทอร์ ที่จิบแล้วให้ความรู้สึกวูบวาบขึ้นมาทันที

จานเด็ด Recommend เมื่อมาถึง KOI

Geleno Roll ซูชิโรลสูตรพิเศษที่เกิดจากดารา Hollywood ชื่อดังไปทานอาหารที่ KOI สาขา Los Angeles แล้วอยากทดลองทานเมนูที่คิดขึ้นมาพิเศษด้วยตัวเองโดยเฉพาะจนเกิดเป็น Geleno Roll ที่ตั้งชื่อตามผู้คิดค้นสูตร จานนี้เราจะได้ชิมทูน่าในรสสัมผัสแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

ด้านในเป็นสไปซี่ทูน่าสับผสมกับสไปซี่ซอส ออนท็อปด้วยทูน่าอัลบาคอร์สไลด์กับซอสพริกสไลด์ ก่อนจะวางด้วยเบบี้สปินแนชทอด เพิ่มความเผ็ดร้อนอีกนิดด้วยพริกชี้ฟ้า จบท้ายด้วยการโรยเรดโอเนียนทอดเพิ่มเทกเจอร์ในการรับประทาน

KOI Crispy Rice นำข้าวปั้นปั้นพอดีคำไปทอดให้กรอบด้วยไฟแรง ก่อนนำมาคลุกโชยุแล้วจี่อีกครั้ง ทำให้ข้าวมีเลเยอร์และควากรอบกำลังดี ออนท็อปด้วยทูน่าหรือแซลมอนสับผสมสไปซี่มาโยและไข่กุ้งเอบิโกะที่ให้สัมผัสกรุบ ๆ น้อย ๆ ยามเคี้ยว เพิ่มความซี๊ดซ้าดบาง ๆ ด้วยพริกเม็กซิกันฝาน

Gilled Tige Pawn มิกซ์สลัดจานหรูท็อปด้วยกุ้งลายเสือตัวโตเสียบก้านตะไคร้ย่าง ให้ความหอมของตะไคร้บาง ๆ ติดกับตัวกุ้ง ราดมาด้วยซอสโทบันรสชาติเปรี้ยวหวานกับเผ็ดจาง ๆ สลัดผักสดมีมะม่วงเพิ่มความหวาน และมะเขือเทศราชินีตัดเปรี้ยวเบา ๆ เข้ากันได้ดีกับซอสพอนสึ ทานคู่กับมันกุ้งที่เอาไปทำเป็นแพทอดกรอบ

Miso Bronzed Black Cod Saikyo Miso ปลาคอดฟิวชั่นที่นำไปหมักด้วยกรรมวิธีพิเศษเพื่อดับคาวปลา ก่อนนำมาปรุงรสด้วยซอสไซเกียวมิโซะให้ความหวานละมุนลิ้น ทางเคียงกับผัก เมรสชาติด้วยขิงดองและใบงานทอดกรอบ

Peppercorn AUS Wagyu Fillet Mignon Toban Yaki เนื้อวัวออสเตรเลียกระทะร้อนถูกใจสายกินเนื้อ ซึ่งหากไม่แจ้งอะไรเพิ่มเติมจะเสิร์มาแบบมีเดียมแรร์ ตัวเนื้อมีความหวานอยู่แล้วพอแช่มาในซอสกฌยิ่งเพิ่มความหวานกลมกล่อมเข้าไปอีก ทานคู่กับทรัลเฟิลแมชโปเตโต้เข้ากันได้ดีและเพิ่มความนวลละมุนในปาก อย่าลืมแจ้งพนักงานว่าต้องการความสุกระดับไหนเพื่อให้เสิร์ฟเนื้อในระดับที่พอดีกับความต้องการของเรา

อร่อยแบบตอบโจทย์คนรักสุขภาพ

อาหารของ KOI Restaurant นั้นสามารถตอบโจทย์นักชิมได้ทุกประเภท โดยเฉพาะสายเฮลตี้ เนื่องจากธรรมชาติของอาหารญี่ปุ่นนั้นถือได้ว่าเป็นอาหารสุขภาพโดยพื้นฐาน

 

แม้จะเป็นอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นสไตล์แคลิฟอร์เนียแบบ KOI เชฟก็ยังสามารถหาจุดสมดุลระหว่างสองสไตล์อาหารเอาไว้ได้เป็นอย่างดี และเปี่ยมไปด้วยความพิถีพิถันในทุกการปรุงเช่น เมนูซอสต่าง ๆ ที่ราดมาจะไม่ชุ่มจนกลบรสชาติของวัตถุดิบหรือส่วนผสมอื่นไปจนหมด เนื้อสัตว์ที่เลือกใช้ก็ได้รับการพิจารณาแล้วว่ามีระดับของมันในเนื้อที่พอดี ไม่มากเกินไปจนทำลายสุขภาพของผู้รับประทาน แต่ก็ไม่ให้น้อยเกินจนเสียรสชาติ

เรียกได้ว่าใน 1 เมนู เราสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติอันหลากหลาย ตั้งแต่ความเข้มข้นของซอส ความนุ่มหวานของเนื้อสัตว์ และความสดใหม่ของผัก อีกทั้งยังคิดเผื่อสำหรับคนที่ทานมังสวิรัติ โดยมีเมนูเฉพาะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้า

ของหวานพรีเมียม

อิ่มหนำกับของคาวแล้วก็ต้องล้างปากด้วยของหวาน ซึ่งเชฟสาวเสิร์ฟเมนูใหม่ให้เราลิ้มรสเป็นครั้งแรก กับ

Twisted Hazelnut E’clair อร่อยคู่กับไปครีม 2 เลเยอร์ ทั้งเฮเซลนัทครีมและแคทเทอริ่งครีม ให้ความหวานละมุนแบบไม่เลี่ยน ครีมเบาฟูไม่หนักจนเกินไป เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมยูสุ ทานคู่กับครัมเบิล เลมอนป่น และซอสเสาวรส ตัดเปรี้ยวกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ออนท็อปมา รสชาติที่หลากหลายทำให้สามารถทานได้เรื่อย ๆ ไม่ทันรู้ตัวก็เกลี้ยงจานเสียแล้ว

Empire New York Style Cheesecake with Matcha Ice cream ชีสเค้กแน่น ๆ ทานคู่กับไอศกรีมมัทฉะ ความเค็มมันของชีสเค้กเข้ากันได้ดีกับรสหวานปนขมน้อย ๆ ของไอศกรีม ตัดเปรี้ยวด้วยผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่สปอนจ์เค้ก และซอสเสาวรส เป็นเมนูของหวานรายการใหม่ที่อร่อยถูกปากจนวางช้อนไม่ลงทั้ง 2 รายการเลยทีเดียว

นี่คือทั้งหมดของ KOI Restaurant Bangkok ที่เราได้คำตอบแล้วว่าทำไมเราจึงต้องลองเข้ามาเปิดประสบการณ์อาหารสไตล์ Japanese fusion ของที่นี่ ซึ่งเชฟอิวาตะได้รังสรรค์ออกมาอย่างตั้งใจเพื่อให้ถูกปากคนไทย

อีกทั้งสำหรับโลเคชันที่เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครบทุกรูปแบบ ก็ไม่แปลกเลยที่จะทำให้ KOI Restaurant Bangkok เป็นอีกเดสทิเนชันหนึ่งที่ใครต่อใครพากันแวะเวียนมา