อีซูซุ TOP OF MIND BRAND

แบรนด์รถยนต์ปิกอัพที่ยังคงเป็น Top of Mind Brand ในไทย ยังคงเป็น Isuzu ถึงแม้จะผ่านมานานกว่า 66 ปี ก็ยังคงตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกยุค ซึ่ง Key Success ที่สำคัญคือการสร้างคุณค่าของแบรนด์ผ่านเครือข่ายที่ใช้มาตรฐานและนโยบายเดียวกันไปดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และการให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย ร่วมกับการจัดกิจกรรมการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ซึ่งทำให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า อีซูซุดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานถึง 66 ปี โดยได้พัฒนาสินค้าและบริการด้วยการสร้างคุณค่าของแบรนด์ (Brand Equity) ในทุกด้านผ่านเครือข่ายการจำหน่ายและบริการของผู้จำหน่ายอีซูซุมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายในการจัดจำหน่ายในประเทศไทย

นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคืออีซูซุยังให้ความสำคัญในด้านการบริการหลังการขาย และการจัดกิจกรรมการตลาดหลากหลายรูปแบบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจยานยนต์ รวมถึงกำลังซื้อซึ่งปรับตัวทำให้ธุรกิจลีสซิ่งเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อรถใหม่มากขึ้น ถือเป็นความท้าทายในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นได้จากตัวเลขตลาดรถยนต์เมืองไทยในช่วง 8 เดือนของปีนี้ (ม.ค. – ส.ค. 2566) มียอดจำหน่ายรวม 189,555 คัน ลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 26.8% แต่อีซูซุยังคงสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดจำหน่ายรวม 83,654 คัน คิดเป็น 44% ของตลาดรถปิกอัพทั้งหมด

สร้าง Brand Equity จากทั้ง Functional Value & Emotional Value

จะเห็นได้ว่าตรีเพชรอีซูซุเซลส์ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการจัดจำหน่ายตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยนโยบายการสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจในแบรนด์ และกลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความสนใจและอ้างถึงมากที่สุดในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ทั้งรถปิกอัพ และรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่

ซึ่งการสร้างคุณค่าของแบรนด์อีซูซุ เกิดจากการจัดกิจกรรมการตลาดหลากหลายรูปแบบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำ และบอกต่อให้คนใกล้ชิดมาซื้อรถอีซูซุที่ตนเองมั่นใจจากประสบการณ์ตรงทั้งในเรื่องคุณค่าในการใช้งาน (Functional Value) และคุณค่าด้านอารมณ์ความรู้สึก (Emotional Value) นอกจากนี้การรักษา “ความเชื่อมั่นและไว้วางใจของลูกค้า” ว่าอีซูซุคือ แบรนด์พรีเมียมที่มีคุณค่าสูง นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อีซูซุสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง

3 กลยุทธ์ที่ทำให้อีซูซุสามารถยืดหยัดเป็นผู้นำในตลาดและแตกต่างจากคู่แข่งอื่น

  1. การสร้างความแตกต่าง เพื่อทำให้อีซูซุเป็นทางเลือกอันดับแรกและโดดเด่นเหนือแบรนด์อื่น ๆ ในใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเสมอ
  2. การตลาดเพื่อสร้างความภักดี เพื่อให้ลูกค้ารักและผูกพันกับแบรนด์ เมื่อจะซื้อรถเพิ่มก็จะกลับมาเลือกอีซูซุ และยังเป็นผู้บอกต่อหรือแนะนำรถให้แก่ลูกค้าใหม่อีกด้วย เนื่องจากลูกค้ามีความมั่นใจจากประสบการณ์ตรงทั้งในเรื่องคุณค่าในการใช้งาน และคุณค่าด้านอารมณ์ความรู้สึกที่ตนเองได้รับจากการใช้รถอีซูซุ
  3. การเป็นนิติบุคคลที่ดีของสังคม เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ในฐานะส่วนหนึ่งของสังคมไทย เราจึงต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้จุดเด่นของแบรนด์อีซูซุที่สามารถครองใจผู้บริโภคตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย คือ การมีภาพลักษณ์อันโดดเด่น ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และการบริการหลังการขาย ส่งผลให้อีซูซุสามารถครองใจผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างมั่นคง โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้

– ผลิตภัณฑ์อันโดดเด่น คือ อีซูซุเป็นรถที่มีความคุ้มค่าเงินสูงสุด (Best-value-for-money Vehicle) ซึ่งหมายถึง คุณภาพดีที่สุด รวมถึงการออกแบบภายนอก ภายใน, ประหยัดน้ำมันที่สุด, แข็งแกร่ง ทนทานที่สุด และราคาขายต่อดีที่สุด

– การเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี เช่น ความโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีทั้งใน “The New MU-X” และ “New! Isuzu D-Max MAGIC EYEs” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการรถปิกอัพเมืองไทย ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่อัจฉริยะ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่คอยตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจน และแม่นยำ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน

– มีเครือข่ายผู้จำหน่ายอันโดดเด่น ด้วยโชว์รูม ศูนย์บริการและอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพสูงมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ และยังมีกลยุทธ์การตลาดอันโดดที่ทำให้อีซูซุแตกต่างจากคู่แข่ง คือ การสร้างความแตกต่าง การตลาดเพื่อสร้างความภักดี และการเป็นนิติบุคคลที่ดีของสังคม

สำหรับแผนการพัฒนาสินค้านั้น อีซูซุได้ให้ความสำคัญต่อการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ มาพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการรูปแบบใหม่ของผู้บริโภค จึงได้วางแผนการตลาดโดยวิเคราะห์ทุกจุดที่อีซูซุมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคตลอดเส้นทางของผู้บริโภคตั้งแต่ก่อนซื้อ ระหว่างซื้อ และหลังการซื้อสินค้าหรือบริการ เพื่อให้สามารถพัฒนาวิธีการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากขึ้นทั้งในด้านการใช้งาน และไลฟ์สไตล์การใช้รถ

โดยอีซูซุกำลังพิจารณาแผนงานสนับสนุนประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งมีพื้นฐานมาจากรถยนต์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เช่น รถไฟฟ้า ที่ใช้แบตเตอรี่ หรือ BEV และรถไฟฟ้าพลังไฮโดรเจน หรือ FCEV ซึ่งอีซูซุมอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น กำลังพัฒนารถยนต์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง