ครึ่งปีแรกบริษัทในตลาดหุ้น Southeast Asia ระดมทุน IPO เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่?

การเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯช่วงครึ่งปีแรกของตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่อนข้างซบเซา โดยข้อมูลจากดีลอยท์ (Deloitte) ทำให้เราเห็นว่า การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ปรับตัวลดลงอย่างหนักเลยทีเดียว โดยมูลค่าตามราคาตลาด (market capitalization) ปรับตัวลดลง 71% เหลือเพียง 5.8 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 203,000 ล้านบาท

ซึ่งการทำ IPO ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงครึ่งปีแรกมีอยู่เพียง 67 ครั้ง ลดลง 21.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และการระดมทุนจากการทำ IPO ลดลง 53.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นเพราะในช่วงที่ผ่านมามีการทำ IPO ครั้งใหญ่เพียง 1 ครั้ง ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์และระดมทุนได้กว่า 200 ล้านดอลลาร์ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีการทำ IPO ขนาดใหญ่จำนวน 3 ครั้งและในแต่ละครั้งระดมทุนได้กว่า 600 ล้านดอลลาร์

โดยคาดการณ์ว่าสาเหตุของความซบเซาในตลาด IPO คือ ภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงที่ถูกคาดการณ์ว่าอาจจะยืดเยื้อต่อไปในปี 2567  ตลอดทั้งปี เพราะรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ

ทีนี้มาดูกันว่า การระดมทุน IPO ของตลาดหุ้นแต่ละประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

จะเห็นได้ว่า ประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เป็น 3 ประเทศที่มีมูลค่าการระดมทุนสูงที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 67 แต่มูลค่าการระดมทุนยังปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกันช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่มูลค่า IPO ลดลงเกือบ 100%

สำหรับ IPO ในประเทศไทย ครึ่งปีแรกมีทั้งหมด 17 บริษัทบริษัทใน SET 6 บริษัทและ เป็น mai 11 บริษัทมูลค่าตลาด ณ IPO สูงที่สุดคือ ธนาคารไทยเครดิต หรือ CREDIT ด้วยมูลค่า IPO 35,649 ล้าน มูลค่ารวม 65,427.79 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีบริษัท IPO ครึ่งปี 66 จำนวน 18 บริษัท ด้วยมูลค่า 68,024.73 ล้านบาท ซึ่งบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดคือ MASTER ด้วยมูลค่า IPO 11,040 ล้านบาท เป็นบริษัทใน SET 6 บริษัท และ mai 12 บริษัท

แถมเมื่อเจาะเข้าไปดูราคาหุ้น IPO ส่วนใหญ่ในปีนี้ไม่สู้ดีนัก หลายบริษัทปรับตัวลดลงจากราคาขายวันแรก ซึ่งทำให้หลายคนขาดทุนจากส่วนต่างราคา (Capital Loss)  อย่างไรก็ตาในช่วงครึ่งปีหลังยังมีบริษัทที่รอต่อคิวเข้าซื้อขายทั้ง SET และ mai อีกจำนวนมาก โดยคาดการณ์ว่าปี 2567 จะมีบริษัทกว่า 40 บริษัทเข้าจดทะเบียน ซึ่งอาจทำให้ IPO ไทยครึ่งปีหลังคึกคักขึ้นมากว่าครึ่งปีแรก

และมีบริษัทใหญ่น่าจับตามอง 3 เจ้านั่นคือ อัลฟาแคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป ระดมทุน 1,041 ล้านหุ้น , ไอร่า แอนด์ ไอฟุล ระดมทุน 1,666 ล้านหุ้น และซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ด โซลูชั่น ระดมทุน 500 ล้านหุ้น