HPE หนุนเทคโนโลยีชั้นสูงให้ ฟีโบ้ สร้างขุมกำลังปัญญาประดิษฐ์ รับ EEC

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และบิ๊ก ดาต้า (Big Data) ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในแวดวงธุรกิจ เพราะนับเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และเป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทุกประเทศทั่วโลก

ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนา AI และ Big Data เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะการบริหารจัดกรเมืองอัจฉริยะที่กำลังจะเกิดขึ้นจากนี้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้ บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพร้ส ผนึกกำลังครั้งสำคัญกับสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (พีโบ้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมพัฒนางานวิจัยเพื่อตอบสนองความต้องการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor)

 

พลาศิลป์ วิชิวานิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท  ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย)หรือ HPE กล่าวถึงที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำวิจัยและการพัฒนาบุคลากรด้าน AI และ Big Data ของประเทศไทย ที่จะเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะ EEC ซึ่งถูกวางเป็น Smart City และ Digital Hub ในภูมิภาคนี้ เมื่อประกอบกับทางสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งมีพันธกิจหลักในการวิจัยพัฒนา ให้บริการวิชาการ และผลิตบัณฑิตด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ มีการพัฒนา AI Application เพื่อเป็นต้นแบบให้กับโครงการ EEC อยู่แล้ว แต่เนื่องจากที่ผ่านมาการพัฒนาแอปพลิเคชันจะทำบน Public Cloud ในต่างประเทศ ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงเกิดความสนใจที่จะนำเทคโนโลยีชั้นสูงในการประมวลผลข้อมูลเข้ามาให้นักวิจัยได้ทดลองและพัฒนาในเมืองไทย

 

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทฯ จะทำการสนับสนุนเทคโนโลยีชั้นสูงในการประมวลผลข้อมูล สำหรับงาน AI, Deep Learning โดยเฉพาะ HPE Apollo 6500 ซึ่งประกอบไปด้วย CPU Intel Xeon Gold 6126 Memory 256GB และ มีการ์ด nVidia Tesla V100 32GB 8 การ์ดอยู่ในเครื่องเดียวกัน และมีสถาปัตยกรรมเชื่อมต่อกันด้วย NVLink ทำให้ระบบสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพในการทำงานดียิ่งขึ้น โดยสามารถลดเวลาการคำนวน และได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น จากหลักวันเหลือเพียงนาที รวมถึงการนำผู้เชี่ยวชาญData Scientist จาก Lab ที่ประเทศสิงคโปร์มาช่วยให้คำปรึกษาและพัฒนาแอปพลิเคชันให้กับธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

“โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาบุคลากร AI ในประเทศ ซึ่งเราเชื่อว่าถ้าทุกคน ทุกองค์กรนำ AI ไปใช้ จะช่วยพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจในยุคปัจจุบันและอนาคตได้มากขึ้น ขณะเดียวกันเราก็สามารถเปิดตลาดด้านนี้ได้มากขึ้น โดยมีแผนจะขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อพัฒนาบุคลากร นักวิจัย และนักศึกษาด้าน AI, Big Data, MI และ Deep Learning ในประเทศเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าจะขยายเพิ่มอีก 4 แห่งภายในปีนี้”

 

พลาศิลป์ บอกด้วยว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดอุปกรณ์ทางด้าน AI และ Big Data ในไทยยังเล็กมากเมื่อเทียบกับประเทศเกาหลี ดังนั้น ตลาดไทยจึงสามารถขยายการเติบโตได้อีกมาก แต่สิ่งสำคัญต้องส่งเสริมให้คนรู้จักและนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าไปใช้ในธุรกิจ จะช่วยผลักดันให้ตลาดนี้เติบโตรวดเร็วขึ้น โดยคาดว่าภายใน 3 ปี จะตามทันเกาหลีได้แน่นอน

ด้าน รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ผู้ก่อตั้งสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม กล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ฟิโบ้เลือก HPE เป็นพันธมิตรในครั้งนี้ เพราะ HPE มีประสบการณ์ในการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มายาวนาน ทั้งยังมี Data Scientist ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยเชื่อว่าความร่วมมือนี้คงไม่ได้จบแค่การนำอุปกรณ์มาลงเท่านั้น แต่จะนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ให้กับสังคมให้เข้าใจในการพัฒนา AI รวมถึงผลิตบุคลากรที่มีศักยภาพในการสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ประยุกต์ใช้งานได้จริงในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย

 

“สิ่งที่ HPE และ ฟีโบ้ ทำกำลังเติมเต็มสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ ทั้งการสร้างคน และเอไอ แอปพลิเคชัน ถ้าเราทำตรงนี้ให้เกิดขึ้นได้จริง จะสร้างทั้ง Stage of Practice และจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านนี้สู่ตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งเบื้องต้นแม้มูลค่ารวมอาจจะมากกว่าต้นทุนระบบ แต่สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น Value ที่สำคัญมากในอนาคต ซึ่งหากเราไม่เริ่มทำ ลูกหลานก็จะแข่งขันไม่ได้”

…………………………………………………………………………………………………………………………………………..