EA

ทำไม EV Mini Truck “MINE MT 30” ถึงเป็นสุดยอดนวัตกรรมแห่งปี

ถ้าถามว่า กระแสรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงขนาดไหน คงต้องยอมรับว่า คนไทยเปิดรับมากขึ้น และพร้อมเป็นเจ้าของมากขึ้นเช่นกัน แต่มีอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังเป็นกระแสเช่นกัน นั่นคือ กระบะไฟฟ้า 100% หนึ่งในผู้ให้บริการที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว ได้แก่ รุ่น  EV Mini Truck “MINE MT 30” จาก บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นรถกระบะไฟฟ้าที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ จนสามารถคว้ารางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2023 ได้สำเร็จ

รถกระบะไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของไทย สามารถขับเคลื่อนได้ระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที ด้วยเทคโนโลยี Ultra-fast Charge ได้ถูกออกแบบและผลิตโดยฝีมือคนไทย ภายใต้แนวคิด Respect Environment ประหยัดพลังงานและลดต้นทุนในภาคขนส่งเชิงพาณิชย์ ช่วยลดมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการใช้ EV ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของประเทศ

คุณอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA เล่าถึงกลยุทธ์และแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรม EV Mini Truck “MINE MT 30” ขึ้นมาว่า “เราเริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ของ EA คือ เป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานทางเลือก โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้ ผู้ถือหุ้น ผู้ร่วมค้า และพนักงานอย่างเป็นธรรม

EA จึงมุ่งเน้นธุรกิจ “Green Product” โดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด และในปีนี้โฟกัสในการลงทุนพัฒนาโปรดักต์ของยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ ด้วยกลยุทธ์ Ultra Fast Charge Solution Ecosystem ที่จะสร้าง ECO System อย่างครบวงจร เพื่อให้สอดรับกับนโยบาย NET Zero ของประเทศ

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ EV Mini Truck “MINE MT 30” รถกระบะไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของไทย สามารถขับเคลื่อนได้ระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที ด้วยเทคโนโลยี Ultra-Fast Charge ได้ถูกออกแบบและผลิตโดยฝีมือคนไทย ภายใต้แนวคิด Respect Environment ประหยัดพลังงานและลดต้นทุนในภาคขนส่งเชิงพาณิชย์

คำกล่าวของคุณอมร ชี้ให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ EV Mini Truck “MINE MT 30” นอกจากจะเป็นผู้บุกเบิกรายแรกในประเทศไทย กระบะไฟฟ้า 100% คันนี้ ยังสร้างแต้มต่อเหนือคู่แข่ง ด้วยการเตรียมเครื่องเต็มกำลังในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจรที่ทันสมัย ซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจนี้ โดยบมจ. พลังงานบริสุทธิ์ มีโรงงานที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนั้น บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ พร้อมจะขยายสถานีชาร์จ ภายใต้แบรนด์ EA ANYWHERE ซึ่งเป็นโปรดักต์ที่ได้คิดค้นนวัตกรรมการอัดประจุที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้เวลาเพียง 15 – 20 นาที ระบบ Ultra-Fast Charge เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าระดับสากล

รวมถึงวางแผนผลิตและส่งมอบรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ที่มีชื่อว่า MINE Bus  รถโดยสาร 29 ที่นั่ง วิ่งได้ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยปีที่ผ่านมาได้ส่งมอบไปแล้วกว่า 1,200 คัน และต้องผลิตสู่ตลาดในปีนี้อีก 2,000 คัน

นอกจากนี้ ยังมีโปรดักต์ของโรงประกอบยานยนต์ ได้แก่ รถโดยสารไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถหัวลากไฟฟ้า เพื่อป้อนธุรกิจขนส่ง ซึ่งถือเป็นการ Proof of Concept สร้างชื่อเสียงให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ EA นั้น แข็งแกร่ง คงทน คุ้มค่า อีกด้วย

และการที่ผลิตภัณฑ์ EV Mini Truck “MINE MT 30” เป็นรถกระบะไฟฟ้า 100% ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี นอกจากสร้างความเหนือชั้นกว่าคู่แข่งในตลาดแล้วนั้น

คุณอมร ยังบอกกับเราเพิ่มเติมถึงแผนงานหรือกลยุทธ์ต่อไปว่า “กลยุทธ์ขยายการร่วมลงทุนด้านพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงการคมนาคมขนส่งไฟฟ้าไปยังต่างประเทศ โดยมีโมเดลของการร่วมลงทุนในประเทศมาเลเซีย และสปป.ลาว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อร่วมผลักดันให้ประเทศไทยมุ่งสู่การเป็น ASEAN BEV HUB”

จากข้อมูลทั้งหมด เราพอจะเห็นภาพว่า บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์เมืองไทยเทียบเท่าระดับโลก ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้ได้เข้าสู่โหมดรถพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัวมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ