ใครจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง? ปี 2022 หากทำธุรกิจไม่ยึดหลัก ESG จะถูกกดดันอย่างหนักจาก 3 ปัจจัยสำคัญ!!

การดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึง ESG (หุ้นที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ถูกให้ความสำคัญมากขึ้นในปี 2565 จากเอฟเฟคโรคระบาดที่กระทบกับหลายอุตสาหกรรม เป็นตัวกดดันให้ความเสี่ยงจากการลงทุนสูงขึ้นตาม

ซึ่ง ‘สถาบันไทยพัฒน์’ มีมุมมองการลงทุนในช่วงที่เกิดสถานการณ์ COVID-19 หรือในสภาวะที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง ว่า จะทำให้บริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG มักได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเพิ่มขึ้น ยืนยันได้จากข้อมูลสถิติว่า ผลตอบแทนการลงทุนของกลุ่ม ESG จะลดลงน้อยกว่าผลตอบแทนของตลาดโดยรวม

โดยการให้ความเห็นครั้งนี้สอดคล้องกับ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า ซึ่งได้ระบุในบทวิเคราะห์ในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมองแนวโน้มการลงทุนในหุ้น ESG เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ คือ

1) ความต้องการของนักลงทุนที่ใช้หุ้น ESG เข้ามาช่วยลดความเสี่ยงให้พอร์ตลงทุน เพราะบริษัทที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ย่อมมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจต่ำกว่า บริษัทที่เน้นแต่การสร้างการเติบโตของผลกำไรเพียงอย่างเดียว

2) แรงกดดันจากกลุ่มนักลงทุนทั้งกองทุนระดับโลก และนักลงทุนรายบุคคล ที่ต้องการสนับสนุนบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG มากกว่าบริษัทที่ไม่ให้ความสำคัญกับ ESG โดยเฉพาะสถานการณ์ COVID-19 ที่เป็นตัวเร่งให้นักลงทุนเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนครั้งใหญ่

3) แรงกดดันจากรัฐบาลหลายประเทศ ที่นโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมให้ความสำคัญกับ SDG หรือการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนทำให้รัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนธุรกิจที่ช่วยพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งตรงข้ามกับธุรกิจที่ส่งผลลบกับสังคมและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง จะถูกกดดันด้วยมาตรการบางอย่าง เช่น มาตรการทางภาษี หรือการออกกฎระเบียบมาควบคุมอย่างเข้มงวด

โดยคาดว่าแนวโน้มการลงทุนในหุ้น ESG จะเร่งตัวขึ้นอีกในปี 2565 เพราะ Valuation ของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ตึงตัวทำให้ให้นักลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับความเสี่ยงมากกว่าผลตอบแทนที่อยู่ในระดับจำกัด

ขณะที่มองว่า ธีมการลงทุนในหุ้น ESG ยังสอดคล้องกับ Megatrend และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลปลายประเทศซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสำคัญ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินสถานการณ์ COVID-19 และปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ

ซึ่งได้ทำการคัดเลือกกองทุนหุ้น ESG ที่น่าสนใจ 2 กองทุนคือ 1) กองทุนเปิด กรุงไทยก่อการดี (KT-ESGA) และ 2) กองทุนเปิด ยูไนเต็ด อิควิตี้ซัสเทนเนเบิล โกลบอล ฟันด์ (UESG)

อีกทั้งคัดกรองหุ้น ESG ที่โดดเด่นมาทั้งหมด 19 บริษัท คือ ADVANC, AOT, BAY, BEC,BEM, BDMS, BGRIM, BPP, CPN, EGCO, GPSC, JWD, KBANK, LH, PTT, SAT,SCB, SCC, TU โดยอิงจาก ESG Score และปัจจัยพื้นฐานที่ให้ความสำคัญกับ Megatrend และความเสี่ยงทางการเงินเป็นสำคัญ

เรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ข้อมูล : SET , ตลาดหุ้นไทย ,ผลตอบแทน ,ESG

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #SET #ตลาดหุ้น #ESG