ในหลายเดือนที่ผ่านมาเราคงได้ยินข่าวการเข้าซื้อ ‘Twitter’ ของมหาเศรษฐีอันดับโลกอย่าง ‘Elon Musk’ อยู่บ่อย ๆ ซึ่งเขาก็เลื่อนการซื้อด้วยหลาย ๆ สาเหตุอยู่บ่อย ๆ เช่นกัน
โดยเริ่มจากครั้งแรกในเดือนเมษายนที่ Twitter ยอมรับข้อเสนอของ Elon Musk ในการเข้าซื้อบริษัท ซึ่งเขาก็ได้เลื่อนการซื้ออกไปเพราะสงสัยในความของจำนวนสแปม และแอคเคาท์หลุมที่ถูกปิดบังไว้ ที่ทาง Twitter ไม่ยอมเปิดเผย
แต่ท้ายที่สุดแล้วในวันนี้เขาสามารถปิดดีลซื้อ Twitter ไว้ในครอบครองได้ในมูลค่ากว่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยจำนวน 1.6 ล้านล้านบาทนั่นเอง
อีกทั้งเมื่อวานนี้ (27 ตุลาคม 65) เขาได้ส่งสัญญาณที่ว่าตนจะเข้ามาบริหาร Twitter อย่างเต็มตัว ด้วยการโพสต์คลิปวิดีโอบนแอคเคาท์ส่วนตัวที่ตนถือซิงค์ล้างหน้าเข้าไปยังสำนักงานใหญ่ของ Twitter และตามด้วยข้อความที่ว่า “Entering Twitter HQ – let that sink in!” เป็นสำนวนที่หมายถึงยอมรับความคิดต่าง ๆ และค่อย ๆ ทำความเข้าใจ
ซึ่งเป้าหมายของการซื้อ Twitter ของเขาก็เพื่อต้องการใช้สังคมบนโลกโซเชียลมีเดียอย่างสุขภาพดี ไร้ Toxic ลดการแบ่งแยกทางสังคม และที่ให้ทุกคนสามารถมาร่วมแชร์ความคิดเห็นได้
อย่างไรก็ดี เขามีแผนจะปรับลดพนักงานของทวิตเตอร์ด้วยเช่นกัน ทำให้เมื่อเป็นเจ้าของ Twitter เต็มตัว เขาจึงประเดิมปลดพนักงาน 4 คนแรกด้วยการไล่ CEO อย่างคุณ Parag Agrawal ที่อยู่เคียงคู่กับ Twitter มาตลอด 10 ปีออก ตามด้วยคุณ Ned Segal ตำแหน่ง CFO, คุณ Vijaya Gadde ผู้บริหารด้านกฏหมายของบริษัท และคุณ Sean Edgett ที่ปรึกษาของบริษัท ซึ่งแต่ละท่านล้วนเป็นพนักงานระดับสูงด้วยกันทั้งนั้น
ทั้งนี้เอง ในอนาคตเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ Twitter ที่อยู่ภายใต้ของมหาเศรษฐีท่านนี้อีกมากมาย โดยเริ่มจากแผนที่จะปรับลดพนักงานครั้งใหญ่ โดยหวังจะลดพนักงานมากถึง 75% หรือจะเป็นเรื่องของแอคเคาท์หลุม และสแปมต่าง ๆ ที่เขาต้องการกำจัดให้หายไป
เมื่ออ่านมาถึงในอนาคตอันใกล้เราคงเห็นพนักงาน Twitter ตกงานเพิ่มขึ้นก็ย่อมได้ และ ‘Twitter’ ที่อยู่ภายใต้การบริหารของมหาเศรษฐีอย่าง ‘Elon Musk’ จะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางไหนในอนาคตข้างหน้า เรามาลุ้นไปพร้อม ๆ กัน…
เขียนและเรียบเรียง : อโญศิริ สุระตโก
ที่มา : Bloomberg, cnbc, nytime
The Business Plus บิสิเนสพลัส
