EA พัฒนานวัตกรรมเพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของไทย

หากพูดถึง ‘บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)’ หรือ EA หลายคนคงนึกถึงบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทน ซึ่ง EA ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของประเทศ ในแง่ของการลดภาวะโลกร้อน หรือลดปัญหามลพิษต่าง ๆ เพราะบริษัทแห่งนี้ดำเนินธุรกิจอยู่บน Green Business และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญกับการเปลี่ยนถ่ายประเทศสู่พลังงานสะอาดเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ ‘แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน อมิตา’ ระบบกักเก็บพลังงานที่จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท

คุณอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า EA เริ่มต้นจากธุรกิจไบโอดีเซล และขยายสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม โดย EA ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ของพลังงานสะอาดในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยประเทศลดการนำเข้าเชื้อเพลิง และด้านสิ่งแวดล้อมที่จะลดปัญหามลพิษ และลดภาวะโลกร้อน ซึ่งถือว่าเป็นเทรนด์ของโลกในปัจจุบันที่ทุกประเทศให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ  ประกอบกับการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์แบบเดิมที่ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนมาเป็นยานยนต์ไฟฟ้า

EA จึงลงทุนในโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อจะนำมาเพิ่มเสถียรภาพของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพิ่มประสิทธิภาพในระบบผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าของประเทศ รวมทั้งป้อนให้กับอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท เพื่อผลักดันให้เกิดผลสำเร็จของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็น New S-Curve ตามยุทธศาสตร์ของประเทศ

แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน อมิตามาพร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่ และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูง

คุณอมร กล่าวว่า แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน อมิตา เป็นแบตเตอรี่ชนิด Pouch Cell ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูง ส่งผลให้สามารถจุพลังงานได้สูง มีน้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่มีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตราย เช่น กรดหรือตะกั่ว และยังใช้เทคนิคพิเศษในการผลิตเซลล์ เพื่อให้สามารถคัดแยกแผ่นขั้วบวกและขั้วลบได้ง่าย ในขั้นตอนของการรีไซเคิลเมื่อแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน จึงทำให้เป็นแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน อมิตา ยังถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่สามารถรองรับการชาร์จแบบ Ultra-Fast Charge ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-80% ได้ในเวลาเพียง 15-20 นาที พร้อมรองรับการชาร์จได้สูงถึง 3,000 รอบ ถือเป็นจุดเด่นในการรองรับการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจัยเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด

ทั้งนี้ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตได้สามารถนำไปใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้า เพื่อช่วยในการลดการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน

โดยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตได้ในระยะเริ่มต้น ขนาด 1 กิกะวัตต์ หรือ 1,000,000 กิโลวัตต์ สามารถนำมาใช้ในรถโดยสารไฟฟ้าขนาด 11 เมตร ซึ่งขับเคลื่อนได้ระยะทางสูงสุด 240 กิโลเมตรได้ถึง 4,160 คันต่อปี และการใช้รถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 4,160 คัน สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG Emission Reduction) ประมาณ 91,709 ตันต่อปี และลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลได้กว่า 97,066,667 ลิตรต่อปี เมื่อเทียบกับรถโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซล โดยคำนวณจากการใช้งานระยะทาง 70,000 กม. ต่อคันต่อปี

แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบกักเก็บพลังงานเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) และการนำไปใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้มีเสถียรภาพ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เราจึงได้ออกแบบให้โรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบกักเก็บพลังงานมีมาตรฐานและความปลอดภัย ด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัย สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการผลิตต่าง ได้ง่าย เพื่อตอบโจทย์เทคโนโลยีต่าง ๆ ในอนาคต อีกทั้งโรงงานยังเน้นแนวคิดที่ใช้พลังงานในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต โดยมุ่งเน้นการรีไซเคิลในกระบวนการผลิตให้มากที่สุดคุณอมร กล่าว

นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานสูงแล้ว EA ยังดำเนินธุรกิจโดยมีเป้าหมายสำคัญ คือการมีส่วนช่วยเหลือผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น ASEAN BEV HUB ในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมา EA ได้สร้างโรงงานผลิตรถโดยสารไฟฟ้าภายในประเทศ และนำแบตเตอรี่ที่ผลิตได้มาเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนายานยนต์ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่มีการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ที่สูง ได้แก่ รถโดยสารไฟฟ้า “MINE Bus” เรือโดยสารไฟฟ้า “MINE Smart Ferry” และรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่มีชื่อว่า “EA Anywhere” เพื่อยกระดับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย และช่วยลดมลภาวะอย่างยั่งยืน

จะเห็นได้ว่า EA เป็นบริษัทที่มีการตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก เพื่อที่จะดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของพลังงานสะอาด และความยั่งยืนมาโดยตลอด นั่นส่งผลให้ EA กลายเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถเติบโตตามยุทธศาสตร์ของประเทศ และเทรนด์ของโลกในปัจจุบันได้อย่างยั่งยืน