ในช่วงตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาโรคระบาดโควิด-19 ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์ และการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก
มีผลสำรวจจาก e-Conomy SEA 2021 ที่จัดทำโดย Google, Temasek Holdings บริษัทบริหารการลงทุนของสิงคโปร์ และ Bain & Co บริษัทที่ปรึกษา ได้ทำผลสรุปรายงาน 6 ประเทศในอาเซียน ที่มีการเติบโตธุรกิจ E-commerce ที่น่าสนใจ ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย
โดยประเทศเทศที่มีการเติบโตของธุรกิจออนไลน์มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน คือ อินโดนีเซีย โดยมีมูลค่าการค้ารวม (GMV) ในปี 2021 มากถึง 70,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 49% จากปีก่อน และขยายตัวเฉลี่ยต่อปี 20% หรือราว 146 ล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2025
ซึ่ง E-commerce ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจออนไลน์ที่มีแนวโน้มการเติบโตมากที่สุด ด้วยมูลค่าสูงถึง 53 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 52% จากปีก่อน ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 18% ซึ่งอาจแตะถึง 104 ล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2025
นอกจากนี้ยังมี สื่อออนไลน์ การขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์ และการท่องเที่ยวออนไลน์ ที่มีแนวโน้มเติบโตในอัตรา 48% 36% และ 29% ตามลำดับ
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้อินโดนีเซียมีการเติบโตมากที่สุด เพราะด้วยอานิสงค์จากจำนวนประชากรที่มากถึง 274 ล้านคน และพฤติกรรมของผุ้คนที่เข้าถึงการใช้บริการดิจิทัลเพิ่มขึ้นถึง 21 ล้านคน
อีกทั้งอินโดนีเซียเองก็เป็นประเทศที่มีบริษัทยูนิคอร์นหลายเจ้า และเป็นที่ยอมรับเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น GoTo (Gojek & Tokopedia), Shopee, Bukalapak, Blibli, JD.ID, J&T Express, Traveloka, OVO, OnlinePajak, Ajaib และ Xendit จึงเป็นอีกหนึ่งประเทศในอาเซียนที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนเป็นอย่างมาก
สำหรับประเทศไทยนั้น จัดอยู่ในกลุ่มที่มีการเติบโตของธุรกิจออนไลน์มากเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน มีมูลค่าการค้ารวม (GMV) ราว 30 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน และอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 17% หรือมูลค่าราว 57 ล้านบาทภายในปี 2025
โดย E-commerce มีแนวโน้มการเติบโตมากที่สุด เพิ่มขึ้น 68% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 21 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 14% หรือมูลค่า 35 ล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2025
สวนทางกลับการท่องเที่ยวออนไลน์ ที่มีอัตราการเติบโตน้อยที่สุด อยู่ที่ 8% ในขณะที่สื่อออนไลน์ และการขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 29% และ 37% ตามลำดับ
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธรุกิจออนไลน์ขยายตัวเพิ่มขึ้นนั้น อันดับแรกก็คงหนีไม่พ้นสถานการณ์โรคระบาดที่เป็นตัวกระตุ้นให้หลายธุรกิจต้องกระโดดเข้าโลกดิจิทัลเพื่อความอยู่รอด ซึ่งก็ทำให้มีผู้บริโภคชาวไทยหันมาใช้บริการดิจิทัลรายใหม่มากตามไปด้วยเช่นกัน คิดเป็น 9 ล้านคนเลยทีเดียว
ที่สำคัญในปีนี้ประเทศไทยได้มีบริษัทยูนิคอร์นเจ้าแรกเกิดขึ้น จึงเป็นปัจจัยสำคัญและความเนื้อหอมเย้ายวนใจของนักลงทุนอยู่ ในการป้อนทุนสำหรับบริการดิจิทัลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Fintech เทคโนโลยีทางการเงิน Healtech เทคโนโลยีด้านสุขภาพ และ Edtech เทคโนโลยีด้านการศึกษา
ซึ่งในรายงานยังได้มีการคาดการณ์ว่า ปีนี้มูลค่าการลงทุนในไทยจะสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกันกับปี 2020 แม้จะมีความไม่แน่นอนของสถานการณ์โรคระบาดและตลาดอยู่บ้าง แต่คาดว่าการลงทุนจากทั่วโลกยังคงหลั่งไหลเข้าสู่ภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง