‘UBS’ เทคโอเวอร์ ‘Credit Suisse’ มูลค่า 3.25 พันล้านดอลลาร์ กู้วิกฤติธนาคารล้ม

นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว สำหรับกรณีที่ธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ อย่าง Silicon Valley Bank, Silicon Valley และ CRYPTO FOCUS ที่ได้ปิดตัวลง จนเกิดเป็นปรากฏการณ์การเข้าแถวรอถอนเงินของประชาชนเป็นจำนวนมากจนล้นธนาคาร เนื่องจากประชาชนเริ่มขาดความเชื่อมั่นต่อความมั่นคงของระบบธนาคาร

 

ซึ่งเรื่องนี้ได้ส่งผลกระทบต่อธนาคารเครดิต สวิส (Credit Suisse) ธนาคารสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความเก่าแก่ถึง 167 ปี อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลเป็นอันดับต้น ๆ ต่อระบบการเงินโลก และมีสำนักงานมากกว่า 150 แห่งในราว 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐ, สหราชอาณาจักร, อินเดีย, สิงคโปร์ และไทย โดยเป็นผลมาจากการเชื่อมโยงทั้งลูกค้า และเงินทุนจำนวนมากระหว่างยุโรป สหรัฐ และภูมิภาคอื่น ๆ ดังนั้น เมื่อธนาคารใหญ่ ๆ ในสหรัฐฯ เริ่มล้มลง จึงส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของทั่วโลก เนื่องจากการที่เงินทุน เงินกู้ ในโลกนั้นเชื่อมโยงกันทั้งหมด ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการการฝากเงินไว้กับธนาคาร โดยเฉพาะลูกค้าเงินฝากรายใหญ่ เพราะไม่แน่ใจว่าจะได้รับเงินที่ฝากไว้กับทางธนาคารครบหรือไม่ เนื่องจากธนาคารแต่ละประเทศมีการคุ้มครองเงินฝากในจำนวนที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจจะไม่ได้ครอบคลุมเต็มวงเงินตามที่ลูกค้ารายใหญ่ได้ทำการฝากไว้ที่ธนาคารนั่นเอง และแน่นนอนว่าเรื่องนี้ก็ส่งผลกระทบต่อ ‘Credit Suisse’ ด้วยเช่นกัน

 

สำหรับผลประกอบการของ ‘Credit Suisse’ นั้น ก็ถือว่าไม่สู้ดีนัก เนื่องจากในปี 2565 ทางธนาคารได้รายงานผลขาดทุนสุทธิ 7.3 พันล้านฟรังก์สวิส (ราว 7.9 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งถือเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินในปี 2551 อีกทั้งยังได้ส่งสัญญาณว่าธนาคารจะยังไม่สามารถทำกำไรจนถึงปี 2567 จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำความไม่น่าไว้วางใจของสถาบันการเงินต่อประชาชนเข้าไปใหญ่

 

อย่างไรก็ดี ล่าสุด ทางคู่แข่งของ ‘Credit Suisse’ อย่าง ‘UBS Group AG’ ได้ตกลงทำสัญญาซื้อกิจการจาก ‘Credit Suisse’ ด้วยมูลค่า 3 พันล้านฟรังก์สวิส (หรือ 3.23 พันล้านเหรียญสหรัฐ) รวมถึงแบกรับภาระขาดทุนสูงถึง 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐภายใต้ข้อตกลงที่ได้รับการสนับสนุนจากการรับประกันครั้งใหญ่ของรัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2566 โดยมีกระแสข่าวว่า ‘UBS’ ได้ขอให้รัฐบาลสวิสรับผิดชอบค่าใช้จ่ายประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ หาก ‘UBS’ ตกลงที่จะเข้าซื้อ ‘Credit Suisse’

ซึ่งการเข้าทำสัญญาของธนาคารใหญ่ทั้ง 2 แห่งในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อกอบกู้วิกฤติธนาคารที่กำลังส่อเค้าว่าจะล้มลงไปตาม ๆ กัน ซึ่งจะทำให้ภาคเศรษฐกิจดีขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งยังเป็นการเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนต่อสถาบันการเงินคืนมาอีกด้วย

 

โดยดีลในครั้งนี้ จะกลายเป็นดีลแห่งประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ด้วยทั้งอายุของ ‘Credit Suisse’ ที่มีความเก่าแก่ และด้วยความที่ทั้งคู่เคยเป็นคู่แข่งทางการค้ามาก่อน ดังนั้น หาก ‘UBS’ เข้าซื้อกิจการ ‘Credit Suisse’ ได้สำเร็จ จะส่งผลให้ ‘UBS’ มีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น และมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นจากการรวมเอาลูกค้าของ ‘Credit Suisse’ เข้ามา

 

อย่างไรก็ดี ยังคงติดตามว่าดีลในครั้งนี้จะเสร็จสิ้นทันในปีนี้หรือไม่ และการเข้าซื้อกิจการ ‘Credit Suisse’ จะยังทำให้ทาง ‘UBS’ รักษาการทำกำไรของกิจการไว้ได้เหมือนเดิมหรือไม่ โดยในปี 2565 พบว่า ‘UBS’ สามารถทำกำไรได้ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ที่มา : Reuters, BBC

 

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

 

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

.

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #UBS #Credit Suisse #takeover #วิกฤติธนาคารล้ม #ธนาคารล้มละลาย