BTS

‘บีทีเอส กรุ๊ปฯ’ กับการบริหารแบบ 3M

บีทีเอส กรุ๊ปฯ ถือเป็นผู้บุกเบิก และผู้นำด้านการให้บริการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน จนปัจจุบันมีรูปแบบการเดินทางที่หลากหลาย ซึ่งการจะก้าวผ่านทุกวิกฤตการณ์ในฐานะผู้นำได้นั้นเกิดจากการยกระดับการให้บริการด้วยการยึดลูกค้าเป็นหัวใจหลักอยู่เสมอ และยังเป็นองค์กรที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจภายใต้ความยั่งยืนและตามหลักของ ESG จนได้รับการยอมรับในระดับสากล

คุณกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้นำกลยุทธ์ 3M มาใช้เพื่อพัฒนาทุกกลุ่มธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน

ธุรกิจ MOVE : บริษัทฯ เป็นผู้บุกเบิก และเป็นผู้นำในด้านการให้บริการการเดินทาง การคมนาคมขนส่งผู้โดยสาร แบบผู้ประกอบการสู่ผู้บริโภค (B2C) โดยมีรูปแบบการเดินทางที่หลากหลาย ซึ่งจะมุ่งเน้นการให้บริการที่ปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต อีกทั้งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยมีการสื่อสาร การให้ข้อมูลที่เปิดเผยและจริงใจเพื่อสร้างความไว้ใจให้กับผู้ที่ใช้บริการ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะและความคิดเห็น เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการอย่างมีมาตรฐานกับผู้ใช้บริการ

ธุรกิจ MIX :  คือให้บริการด้านการตลาดแบบ Offline – to – Online (O2O) โซลูชันส์แบบครบวงจรที่ครอบคลุมธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล และธุรกิจการจัดจำหน่าย แก่ลูกค้าประเภทผู้ประกอบการสู่ผู้ประกอบการ (B2B) รวมถึงลูกค้าธุรกิจ และพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดประโยชน์ และสร้างมูลค่าต่อธุรกิจหรือองค์กร ซึ่งการเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความหลากหลายของประเภทธุรกิจจึงได้มีการผสมผสานการใช้ฐานข้อมูลที่เต็มไปด้วยชุดข้อมูลที่มีประโยชน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของข้อมูลให้เกิดประโยชน์ และนำไปต่อยอดทางธุรกิจได้กับกลุ่มบริษัทคู่ค้า

ธุรกิจ MATCH: ซึ่งเป็นการให้เอกสิทธิ์สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจ (B2B) ในการเข้าถึงแพลตฟอร์มของธุรกิจ MOVE และ MIX ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างโอกาส และเพิ่มความร่วมมือระหว่างกันให้มีการเติบโตทางธุรกิจที่มากขึ้นต่อไป

นอกจากนี้ บีทีเอส กรุ๊ปฯ มีความมุ่งมั่นว่า ความพึงพอใจของลูกค้าต้องมาก่อนจึงได้จัดทำโปรแกรม Rabbit Rewards และ BTS Challenge ซึ่งผู้โดยสารสามารถเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากกลุ่มธุรกิจ MOVE (รถไฟฟ้าบีทีเอส) และ Non-MOVE (เช่น ร้าน Turtle และ Rabbit Life)

โดย บีทีเอส กรุ๊ปฯ วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า และใช้ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาช่องทางการสื่อสาร โปรแกรมสมาชิก และแคมเปญต่าง ๆ  เพื่อนำมาช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ด้วยความแข็งแกร่งของระบบ BTSG (Rabbit) ทำให้สามารถเข้าถึง และมีความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ผ่านการให้บริการของธุรกิจทั้งหมดในกลุ่มบริษัทบีทีเอส

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดให้มีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายให้แก่ผู้โดยสารทั้ง Facebook, Instagram, Twitter, TikTok, BTS Website, Line Official และ BTS SKYTRAINs Application ที่สามารถตรวจสอบค่าโดยสาร ตารางเวลารถไฟฟ้า ข้อมูลฉุกเฉิน กรณีรถไฟล่าช้า ทางออกจากสถานี และแผนที่ ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการสำรวจ และรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า เพื่อทำความเข้าใจ ความต้องการและปัญหา โดยนำข้อเสนอต่าง ๆ มาใช้ในการปรับปรุงการบริการให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากการเพิ่มศักยภาพองค์กรแล้ว บีทีเอส กรุ๊ปฯ ยังมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงได้ริเริ่มการดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น การใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน การเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“ความยั่งยืนเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของบีทีเอส กรุ๊ปฯ มาตั้งแต่วันแรก โดยมีการพิจารณาด้านความยั่งยืนในทุกมิติรอบด้าน จนทำให้ได้รับการยอมรับในระดับสากลในฐานะที่เป็นบริษัทขนส่งที่ยั่งยืนที่สุดในโลกมาต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน”

ในด้านสิ่งแวดล้อม บีทีเอส กรุ๊ปฯ เดินหน้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านวิธีการที่หลากหลาย ทั้งการบำรุงรักษา และปรับปรุงรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์ และการลงทุนในโครงการผลิตพลังงานทดแทน เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น ซึ่งทำให้ บีทีเอส กรุ๊ปฯ เป็นบริษัทขนส่งทางรางที่เป็นกลางทางคาร์บอนรายแรก และรายเดียวของโลก

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีด้านการเงินที่ยั่งยืน ด้วยเจตนารมณ์ในการระดมเงินทุนไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคาร์บอนต่ำ ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสการลงทุนที่สนับสนุนความยั่งยืนในตลาดทุนไทย ในปัจจุบันบีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้ระดมทุนด้านการเงินที่ยั่งยืนทั้งหมดรวมมูลค่า 62.8 พันล้านบาท

ในด้านของสังคมบริษัทฯ ได้เพิ่มศักยภาพของพนักงาน และส่งเสริมการทำงานบนความหลากหลาย อีกทั้งยังยอมรับความแตกต่างภายในสถานที่ทำงาน รวมถึงดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสในทุกมิติ ในขณะเดียวกันพนักงานยังได้รับสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากกฎหมายแรงงาน และการอบรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการให้โอกาสในการพัฒนา และเพิ่มทักษะสำหรับพนักงานทุกคน