The Business Plus บิสิเนสพลัส
ถือว่าเป็นการปิดฉากยุคดอกเบี้ยติดลบของญี่ปุ่นในรอบ 17 ปี หลังจากวันนี้ (19 มี.ค.67) ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก โดยที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ 7 ต่อ 2 เสียง มีมติยกเลิกอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจาก -0.1% และปรับขึ้นสู่ระดับ 0 – 0.1%
ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ถือว่าเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์กันเอาไว้ โดยก่อนหน้านี้ Bloomberg คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะอยู่ระหว่าง 0%-0.1% และมองว่าตลอดทั้งปีจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.5% โดยจะปรับขึ้น 1 หรือ 2 ครั้ง
ส่วน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ไปในทางเดียวกันว่า ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2550 หลังการประชุมวันที่ 18-19 มี.ค. เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัว รวมถึงข่าวการปรับขึ้นค่าแรง บ่งชี้ถึงการปรับทิศทางของแบงก์ชาติญี่ปุ่นในการประชุมรอบนี้
ทั้งนี้ ‘Business+’ พบข้อมูล ว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเริ่มดีขึ้นในหลายๆ ส่วน อย่างเช่นเงินเฟ้อที่มาอยู่เหนือกรอบที่ญี่ปุ่นตั้งเป้าเอาไว้ทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภค (โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นที่สูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% ที่แบงก์ชาติญี่ปุ่นตั้งไว้มานานกว่า 1 ปี) ขณะที่อัตราค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในปี 2567 ทั้งหมดนี้จึงทำให้ญี่ปุ่นเลิกใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (ดอกเบี้ยติดลบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ) และมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติ
สำหรับในมุมของค่าเงินเยนของญี่ปุ่นนั้น ก่อนหน้านี้เงินเยนอ่อนค่าลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2563 ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องนั้น เกิดจากเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นที่ชะลอตัวในช่วง COVID-19 และการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่กำลังชะลอตัวนั้น ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไม่สามารถใช้นโยบายตึงตัวที่เหมือนกับสหรัฐฯ จนทำให้เกิดส่วนต่างจากอัตราดอกเบี้ยของ 2 ประเทศที่กว้างมากขึ้น โดย FED ใช้นโยบายการเงินตึงตัวด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ส่วน BOJ ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ดังนั้น หากขึ้นดอกเบี้ยตาม FED ก็จะทำให้หนี้ของภาคธุรกิจสูงตาม (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น เท่ากับต้นทุนของภาคธุรกิจสูงขึ้นตาม)
ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นครั้งแรกในรอบ 17 ปีนี้จะทำให้แนวโน้มค่าเงินเยนที่อ่อนค่ามาอย่างยาวนานเริ่มแข็งค่าขึ้น จากเม็ดเงินที่จะเริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดเงินญี่ปุ่น โดยเฉพาะหากมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้ง
