คุณวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ สร้างความแตกต่าง เพิ่มความแข็งแกร่งให้ ‘เบทาโกร’

“เบทาโกรเชื่อว่าทุกคนต้องมีทางเลือกในการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพมากกว่าความปลอดภัยที่สูงกว่าและในราคาที่เป็นธรรมเพราะสิ่งนี้เป็นหนึ่งในรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน”

 

กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง และเพิ่มความแข็งแกร่งด้าน Supply Chain Resilience ของ ‘คุณวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์’ นำพา ‘เบทาโกร’ ประสบความสำเร็จ สู่การเติบโต 7 เท่าตัว

 

คุณวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จของการบริหารองค์กรในฐานะผู้นำในแง่ของผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาว่า เบทาโกรประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีรายได้รวม 113,877 ล้านบาท เติบโต 31.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 7,938 ล้านบาท เติบโต 685.5% จากปีก่อน

 

ทั้งนี้เป็นผลมาจากความแข็งแกร่งทางด้าน Supply Chain Resilience ที่มีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของผลกระทบที่มีต่อการผลิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดภาวะโรคระบาดในหมู (ASF) อย่างรุนแรง แต่เบทาโกรก็สามารถผ่านพ้นวิกฤตนั้นมาได้ด้วยการใช้เทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการดูแลระบบ Biosecurity อย่างแข็งแกร่ง ทำให้ปริมาณสุกรไม่ขาดแคลนและสามารถจัดจำหน่ายให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในช่วงเวลานั้นมีความต้องการผลิตภัณฑ์สุกร ไก่ ไข่ไก่ และอาหารมากขึ้นหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายลง ซึ่งความต้องการเหล่านี้ส่งผลให้ผลประกอบการของเบทาโกรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

 

สำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน คุณวสิษฐ กล่าวว่า เบทาโกรใช้หลักความเชื่อบนพื้นฐานอาหารต้องมีความปลอดภัย รวมถึงความมั่นคง จึงมีการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคถึงฐานการผลิตที่มีคุณภาพสูง และมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีการผลิต รวมถึงเทคโนโลยีการจัดการเพื่อควบคุมทางด้านความปลอดภัย

 

นอกจากนี้ยังเน้นกลยุทธ์สร้างความแตกต่าง โดยยึดถือจุดมุ่งหมายขององค์กร (Purpose) เพื่อส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพสูงกว่า และความปลอดภัยที่มากกว่า ในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งอาหารที่ดีกว่า (Better food) ต้องมี 4 องค์ประกอบด้วยกัน ได้แก่ 1. ความปลอดภัย 2. คุณภาพและความอร่อยที่แตกต่างจากรายอื่น 3. ราคาเป็นธรรม และ 4. ต้องผลิตอยู่บนพื้นฐานความยั่งยืน โดยทั้ง 4 ด้านนี้จะเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์

 

ขณะเดียวกันต้องมีการสร้างแบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งแบรนด์ในเครือเบทาโกรได้รับการยอมรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้บริโภคก็ให้ความเชื่อมั่นในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยทั้งในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน โดยปัจจุบันเบทาโกรประสบความสำเร็จในการนำแบรนด์ไปอยู่ในประเทศที่มีกำลังซื้อสูงเป็นอย่างมาก ทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง และหัวเมืองใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างนครโฮจิมินห์ เวียงจันทน์ ซึ่งสามารถขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศได้นี้ทำให้เบทาโกรมีความแตกต่างในเรื่องของแบรนด์อย่างชัดเจน

 

นอกจากนี้ คุณวสิษฐ กล่าวว่า เบทาโกรไม่ได้ผลิตเพียงแค่อาหารคนเท่านั้นแต่ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงด้วย ซึ่งอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมาเบทาโกรก็มีการเติบโตเช่นเดียวกัน จึงได้มีการวางแผนลงทุนขยายโรงงานอีกหนึ่งเท่าตัวเพื่อรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงกลยุทธ์สร้างความแตกต่างด้วยการพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าสูง และมีการบริการที่ครบวงจร

 

สำหรับแนวคิดการบริหารงานของคุณวสิษฐ ที่นำพาเบทาโกรไปสู่ความสำเร็จ เป็นเรื่องที่องค์กรยึดถือแนวคิด “ความถูกต้อง ต้องมาก่อนกำไร” ทำให้เบทาโกรมีวัฒนธรรมองค์กรด้านความโปร่งใสที่แข็งแรง รวมถึงการมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน และเน้นกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ อาทิ เบทาโกรเน้นเรื่องความโปร่งใสของข้อมูลอาหารเป็นอย่างมาก จึงดำรงอยู่บนพื้นฐานที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

 

ขณะเดียวกันก็มีการเร่งพัฒนา Digital Transformation เพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในยุค Technology Disruption โดยเบทาโกรได้นำ Digital Transformation และเทคโนโลยี เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในทุก ๆ ด้าน ทั้ง Smart CRM, Smart Framing, Smart Factory, Smart Operation และ Smart Quality เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยการใช้ข้อมูลในการทำงาน วางแผนอย่างเป็นระบบ แม่นยำมากยิ่งขึ้น

 

ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เบทาโกรได้มีการร่วมมือกับทั้งในองค์กรและบริษัทที่ปรึกษา ผ่านแนวทาง ESG Materiality matrix roadmap โดยให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อม สภาพอากาศเป็นอย่างมาก จึงมีแผนงานลด Carbon Footprint และลดการใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จึงได้มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์ หรือ พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยคาร์บอน ปัจจุบันเบทาโกรมีแผงโซลาร์เซลล์รวมราว 40 เมกะวัตต์ ซึ่งให้พลังงานไฟฟ้ามากถึง 8% ของปริมาณไฟฟ้าทั้งหมดในเครือ

 

ขณะที่ด้านสังคม เบทาโกรให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตผ่านเรื่องอาหาร โดยมุ่งเน้นการลดใช้ยาปฏิชีวนะในทุกผลิตภัณฑ์ของเครือ จึงเป็นที่มาของความชำนาญการด้าน Antibiotic free นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือสังคม พัฒนาชุมชน ตลอดจนให้การศึกษามาอย่างต่อเนื่อง

 

การบริหารงานของคุณคุณวสิษฐ ด้วยความยืนหยุ่น และพร้อมพัฒนาองค์กรในทุก ๆ ด้านด้วยการคำนึงถึงความยั่งยืนอยู่เสมอเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของเบทาโกรจนเป็นที่มาของรางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2023 เป็นปีที่ 2

 

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS