“พชร อารยะการกุล” Moving Forward ก้าวต่อไป “BBIK” มุ่งหน้าสู่ SET
ในยุคที่โลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจแบบดั้งเดิมกำลังเผชิญกับ Disruption จากดิจิทัลแพลตฟอร์มต่าง ๆ จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร อย่างบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ภายใต้การนำทัพของ “พชร อารยะการกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้พา “บลูบิค” กลายร่างจากบริษัทสตาร์ตอัป ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทฯ มหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ขณะที่ผลประกอบการของปี 2566 ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้ที่เติบโตกว่า 133% และกำไรเติบโตกว่า 132% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
มาร่วมเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของ “บลูบิค” คอนซัลต์ ผู้อยู่เบื้องหลังของทุก ๆ ความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ผ่านบทความนี้ได้เลย
คุณพชรระบุว่า ปีที่แล้วบริษัทฯ เติบโตค่อนข้างมาก โดยมาจาก 2 ส่วน นั่นคือ การเติบโตจากบริการหลักของบริษัทฯ (Organic Growth) และอีกส่วนหนึ่งจากการควบรวมกิจการ (M&A) 2 ดีล คือ บริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz) และบริษัท วัลแคน เทคโนโลยี จำกัด (ปัจจุบันทำการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท บลูบิค วัคแคน จำกัด – Bluebik Vulcan) ส่งผลให้ปีที่แล้วผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ การเติบโตอย่างรวดเร็วของบลูบิคชี้ให้เห็นถึงแนวคิดการทำธุรกิจที่เลือกตลาดที่เป็นเมกะเทรนด์ นั่นก็คือ Digital Transformation ซึ่งโอกาสเติบโตยังเปิดกว้าง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังต้องปรับตัวและสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง เพื่อเข้าไปแข่งขันกับผู้เล่นที่เป็นโกลบอลเฟิร์ม เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติ
“สิ่งที่เราจะแข่งขันกับโกลบอลเฟิร์มได้นั้น ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีบุคลากรที่ดีที่สุด ดังนั้น จึงต้องคัดคนคุณภาพเข้ามาค่อนข้างเยอะ เพื่อเป็นหัวใจสําคัญในการขับเคลื่อนบริษัทฯ ขณะเดียวกัน เราค่อนข้างให้ความสําคัญกับเรื่องผลสำเร็จของงาน ที่ต้องทำให้เกินกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง เพราะเราเป็นบริษัทฯ ที่เพิ่งเริ่มต้นมาไม่นาน การสร้างความน่าเชื่อถือล้วนขึ้นอยู่กับผลงานที่ทําออกไป เพื่อให้ใช้อ้างอิงต่อไปที่ลูกค้าอื่น ๆ ได้ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้บริษัทฯ เติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง”
ขณะที่ตลาดหรือกลุ่มลูกค้าที่บลูบิคโฟกัสยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ โดยเลือกกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ เพราะมีความซับซ้อนในด้านแผนกลยุทธ์ ซึ่งจะมีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่รายที่สามารถทําได้ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ ธนาคาร ประกันภัย ค้าปลีก และโทรคมนาคม ซึ่งถือว่าบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งในธุรกิจเหล่านี้ เพราะเป็นธุรกิจที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง แบบ End-to-End เริ่มตั้งแต่การวางกลยุทธ์ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนสิ่งเหล่านั้นให้สำเร็จตามแผนวางแผนออกมาสำเร็จ
ขณะเดียวกัน ในเชิงการขยายธุรกิจ ทางบลูบิคไม่ได้ขยายเพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเปิดตลาดในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีออฟฟิศอยู่ที่อินเดีย เวียดนาม และอังกฤษ
“การบุกตลาดต่างประเทศนั้น ส่วนหนึ่งเรามองไปข้างหน้าว่า ประเทศไทยไม่ใช่เพียงตลาดเดียวที่เราจะสามารถแข่งขันได้ เพราะฉะนั้นโอกาสในการเติบโตในต่างประเทศเราก็มีเช่นกัน แต่เรามองอีกมิติหนึ่งด้วย ก็คือธุรกิจของเราพึ่งพาเรื่องคนเป็นหลัก เพราะฉะนั้น บุคลากรในประเทศไทยอาจจะไม่เพียงพอเช่นกัน อะไรเป็นจุดที่คิดว่าจะทำให้เราเติบโตได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น เราก็จะพยายามปลดล็อกเรื่องเหล่านั้น โดยการมองหาประเทศใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ อย่างเช่นที่เวียดนาม อินเดีย แน่นอนมีบุคลากรที่น่าสนใจอยู่ และเป็นตลาดที่สามารถจะหาผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มาช่วยเสริมทัพได้”
นอกจากนี้ ในส่วนเป้าหมายของบลูบิคในระยะสั้น 1-3 ปีนี้ คุณพชรเล่าว่า เป้าหมายแรกของปีนี้อยู่ที่การสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง เนื่องจากในปี 2568 มีแผนย้ายเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เนื่องจากมองว่าจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น ในอนาคตหากเราทําการระดมทุนหรืออะไรต่าง ๆ ก็จะมีนักลงทุนสนใจมากขึ้น และจะนำไปสู่การต่อยอดเชิงการลงทุนในงานขนาดใหญ่ได้ รวมถึงการขยายไปที่ตลาดต่างประเทศยังจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูงยังมีอีกหลายประเทศ
“เรามองว่าตลาดอื่น ๆ ที่มีการขยายตัวคล้ายกับประเทศไทยยังมีอยู่เยอะมาก และด้วยความสามารถที่เรามี เชื่อว่าจะนำไปปรับใช้กับประเทศอื่นได้ คิดง่าย ๆ เลยคือประเทศเพื่อนบ้านเราที่มองประเทศไทยเป็นผู้นําในแต่ละมิติ อย่างเช่น อุตสาหกรรมการเงิน ซึ่งประเทศไทยค่อนข้างก้าวหน้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน แน่นอนว่าในส่วนนี้ เรามียูสเคสที่เคยทำให้กับสถาบันการเงินในประเทศสำเร็จมาแล้ว สามารถนำเอาองค์ความรู้เหล่านี้ไปใช้กับประเทศอื่น ๆ ได้อีกด้วย”
ได้ฟังคำตอบจาก “พชร อารยะการกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ที่กลายร่างจากบริษัทสตาร์ตอัป ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทฯ มหาชน และพร้อมจะขยับเป้าหมายใหม่ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถือได้ว่า “พชร” ได้มอบทางเลือกสินค้าคุณภาพดีในราคาที่คุ้มค่าจริง ๆ
รับชมในรูปแบบ Video