ธุรกิจลิฟต์ส่วนใหญ่ในอดีต โอกาสเติบโตจะฝากไว้กับองค์กรที่ต้องขนส่งคนในอาคาร แต่จากนี้เทรนด์คนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เน้นความสะดวกสบายและความปลอดภัย และการเติบโตของสังคมเมืองจะช่วยขยายตลาดให้เติบใหญ่กว่าเดิม
การเลือกประเทศไทยเพื่อเปิดตัวลิฟต์รุ่นใหม่ (World Premier) ครั้งแรกในโลกของแบรนด์ Aritco ผู้ผลิตลิฟต์บ้านจากสวีเดน ส่วนหนึ่งมาจากการวางกลยุทธ์เพื่อขยายเส้นทางการเติบโตให้มากขึ้น Aritco ตัดสินใจเข้าสู่ตลาดHomeLiftในเอเชียเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผู้บริหาร Aritco มองว่าเอเชียกำลังขยายตัวจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยวิสัยทัศน์ของบริษัทคือการสร้างลิฟต์บ้านให้กลมกลืนไปกับการใช้ชีวิตสมัยใหม่
“เราลงทุนในตลาดจีนอย่างมาก ไม่นานจากนั้นเราเปิดสำนักงานและแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายไปยัง 14 ประเทศ และภายในปีหน้า เราจะเปิดโชว์รูมเพิ่มจาก 10 แห่งเป็น 50 แห่งทั่วเอเชีย รวมถึงเตรียมวางแผนตั้งโรงงานแห่งแรกนอกสวีเดนในประเทศจีน อินเดีย หรือในประเทศไทย” ทอมมี่ โลว์แบค กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาริทโก้ เอบี จำกัด ประเทศสวีเดนกล่าว
จากปรัชญาง่าย ๆ ที่ว่า “ความเรียบง่าย คุณภาพ และนวัตกรรม คือ เอกลักษณ์ของแบรนด์ Aritco” ซึ่งแน่นอนว่าจุดนี้คือจุดขายและเป็นเอกลักษณ์ของสินค้าจากสวีเดนที่ยึดความเรียบง่าย แต่คงไว้ด้วยคุณภาพ โดยแกนสำคัญที่สุดคือ นวัตกรรม
ลิฟต์ทุกตัวของ Aritco พัฒนาและผลิตขึ้นในเมือง Kungs?ngen ในสวีเดน จากนั้นจะลำเลียงออกมาเพื่อส่งมอบสินค้าโดยทีมผู้ติดตั้งจะใส่ใจในรายละเอียดที่เล็กที่สุดในงานดีไซน์ ไปจนถึงการติดตั้งในบ้านของลูกค้า ซึ่งปัจจุบัน Aritco มีการติดตั้งลิฟต์ในอาคารและบ้านส่วนตัวกว่า 30,000 แห่งทั่วโลก
ทั้งนี้ Aritco มีความพยายามที่จะเจาะตลาดเอเชีย รวมถึงอาเซียนให้ครอบคลุมมากขึ้น จากเดิมที่ Aritco มีเครือข่าย 14 ประเทศทั่วโลก ทางผู้บริหารต้องการเพิ่มยอดขายจาก 40 ล้านยูโรให้เป็น 100 ล้านยูโรภายใน 3 ปีข้างหน้า ขณะที่มีการประเมินว่าสินค้าประเภทลิฟต์ภายในครัวเรือนย่อมถูกเลียนแบบได้ง่าย ซึ่งทางออกในเรื่องนี้ทำให้เห็นภาพกับเหตุผลได้ชัดเจนว่า ทำไมผู้บริหาร Aritco จึงต้องเร่งขยายเครือข่ายให้เพิ่มมากขึ้น
เอเชีย+อาเซียน ประตูการค้าแห่งอนาคต
“การขยายธุรกิจจากยุโรปมายังเอเชีย ส่วนหนึ่งเพราะโลเกชันที่นี่กำลังเริ่มเข้าสู่ตลาดผู้สูงอายุ ไปพร้อม ๆ กับการเติบโตของสังคมเมือง อีกทั้งเมื่อมองถึง Demand ของตลาดลิฟต์บ้านในเอเชียรวมถึงอาเซียน ซึ่งเมื่อมองถึงอัตราเติบโตโดยเฉลี่ย 15% ต่อปี (วัดจากกำลังซื้อ) ซึ่งการที่เราต้องการผลตอบแทนในตัวเลขเพิ่มขึ้น แน่นอนว่า 2 สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญคือ ผลิตภัณฑ์ที่ดี และ การมีพันธมิตรการค้าที่ดี” โลว์แบคระบุ
อาริทโก้ ประเทศไทย เพื่อนคู่คิด มิตรผู้สร้าง
ในภาพแห่งความเป็นจริงสำหรับธุรกิจลิฟต์สำหรับบ้านพักอาศัยในเมืองไทย ค่อนข้างเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากสินค้าค่อนข้างมีราคาแพง แต่ ธนา ศรีพงษ์ธนากุล ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายลิฟต์บ้านแบรนด์ Aritco มานานกว่า 4 ปีแล้ว กลับมองเห็นโอกาสมากกว่าจะคิดว่านี่คืออุปสรรค และเขากำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า ยอดขายเติบโตเท่าตัวจะเกิดขึ้นในปี 2560
“ปัจจุบัน ตลาดลิฟต์สำหรับบ้านพักอาศัยในเมืองไทยมีการเติบโตขึ้นมาก เห็นได้จากยอดสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี และในอนาคตลิฟต์บ้านกำลังจะกลายเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ อีกขั้นของการยกระดับความสุขภายในบ้านที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์เหนือระดับ ทั้งเรื่องความสะดวกสบายและความปลอดภัย เปลี่ยนการขึ้นลงระหว่างชั้นภายในบ้านให้เป็นเรื่องง่าย ๆ
ที่ผ่านมาเราทำตลาดมากว่า 4 ปี จนเป็นที่รู้จักและยอมรับกันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม สินค้าตัวใหม่ที่ตอบสนองการใช้งานที่ดีขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่าดีไซน์นำสมัย เด่นด้วยนวัตกรรม เพียงแค่เราต้องส่ง Key Message นี้ไปถึงกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ต้องบอกถึง Options ต่าง ๆ ที่เรา Offer ให้ และผมก็เชื่อว่าเราจะได้รับคำสั่งซื้อมากกว่าเดิม”
ทั้งนี้ ธนาได้บอกถึงแผนธุรกิจในปีนี้ว่าจะมุ่งเน้นทำการตลาดไปยังตลาดกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง (B2C) โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มไฮเอนด์ ระดับ A พร้อมขยายฐานลูกค้าไปยังระดับ B+ ภายใต้แนวคิด ‘บ้านใครก็มีลิฟต์ได้’ โดยเพิ่มช่องทางเป็นเจ้าของลิฟต์บ้านได้ง่ายขึ้น ด้วยโปรแกรมผ่อนชำระผ่านธนาคาร ฟรีค่าบำรุงรักษา อะไหล่แท้ และมีบริการเคลื่อนย้ายลิฟต์อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายโชว์รูมไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อรองรับลูกค้าต่างจังหวัดอีกด้วย โดยตั้งเป้ายอดขายสินค้าทั้งสิ้นกว่า 80 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว คือไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาทในปี 2560
ธนามองว่าจากเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เน้นความสะดวกสบายและความปลอดภัย และการเติบโตของสังคมเมืองที่จะค่อย ๆ เติบใหญ่มากขึ้น จะเป็นสองโอกาสทองของการทำธุรกิจตัวนี้ และเมื่อมองถึงปัจจัยสนับสนุนอย่างภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปริมาณการเปิดตัวของโครงการจำนวนมาก ดังนั้น “เป้าหมายที่ผมบอกไว้ มันไม่เกินเลยสักนิด ผมมองภาพจากความเป็นจริง”