ArgoMES ระบบวางแผนและควบคุมการผลิต ที่จะนำคุณเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะต้องลดการสัมผัสหรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ทำให้เกิดข้อจำกัดในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิต

เป็นสิ่งที่ทำให้หลายองค์กรต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำงาน และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ และยังลงทุนอย่างต่อเนื่องเมื่อผู้ประกอบการมองเห็นความคุ้มค่าในระยะยาว เทคโนโลยีจึงเป็นเครื่องมือช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์จากการประมวลผล โดยมีการคำนวณที่แม่นยำและความปลอดภัยสูง ทำให้ธุรกิจก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ได้อย่างเต็มรูปแบบ

หากพูดถึงระบบปฏิบัติการที่ช่วยให้การวางแผน และควบคุมการผลิตได้ง่ายต้องมีชื่อของ ArgoMES ระบบปฏิบัติการผลิตมาตรฐานที่ต่อยอดไปสู่การควบคุมกระบวนการผลิตและติดตามผลอัจฉริยะ โดยสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ ArgoERP ได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยอำนวยความสะดวกในการบริหารงานผลิต ด้วยความถูกต้องแม่นยำ ลดโอกาสความผิดพลาด และลดค่าใช้จ่ายด้านเจ้าหน้าที่ได้อย่างมาก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิตสูงสุด ด้วยต้นทุนที่ถูกที่สุด

โดย ArgoERP มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ได้แก่

Shop Floor Control (SFC) ที่ใช้ในการควบคุมกระบวนการผลิตและการติดตามผล โดยใช้งานได้หลายขั้นตอน

  • งานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Work in progress : WIP)
  • ประมวลผลการสืบค้นข้อมูล (Process data query)
  • ติดตามประสิทธิภาพการทำงานแบบทันที (Instant capacity)
  • ตารางทำงานของบุคลากร (Human schedules)
  • ประวัติการผลิต (Production history)

– Quality Control Management (QCM) ใช้จัดการและควบคุมคุณภาพวัสดุ และผลิตภัณฑ์

  • ฝ่ายควบคุมคุณภาพสามารถกำหนดมาตรฐานของกระบวนการปรับปรุงการผลิตได้
  • ระดับคุณภาพการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ
  • ปรับปรุงผลผลิตของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป

– Equipment Management System (EMS) ใช้จัดการอุปกรณ์และเครื่องจักรการผลิต

  • การบำรุงรักษาอุปกรณ์
  • การซ่อมแซมอุปกรณ์
  • ชิ้นส่วนอุปกรณ์ของเครื่องจักร
  • ยานพาหนะ แม่พิมพ์ เครื่องมือในการผลิต
  • อัตราการใช้งานอุปกรณ์

– Statistical Process Control (SPC) ใช้แสดงผลสถิติการผลิตและการควบคุม

  • แผนภูมิการวิเคราะห์ทางสถิติที่สมบูรณ์แบบ
  • ลดข้อผิดพลาดของข้อมูล
  • วิเคราะห์เปรียบเทียบเพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติ
  • ปรับปรุงความเร็วในการค้นหาข้อมูลและความสามารถของกระบวนการทำงาน
  • ช่วยให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/TS16949 ได้ง่ายขึ้น

ยกตัวอย่างบริษัท LEESHIN ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องสำอางดูแลผิวชื่อดังชั้นนำของจีนที่มีห้องผลิตปลอดเชื้อในระดับประสิทธิภาพสูง รับผลิต ODM และ OEM ส่งออกไปยังยุโรป อเมริกาและจีน

ก่อนที่จะนำระบบ ArgoMES มาใช้ บริษัทใช้คนงานที่มีมากกว่า 800 คนในกระบวนการผลิตโรงงานเพื่อเก็บข้อมูล และเอกสารรายงานหรือเอกสารต้นทุนต่าง ๆ ทำในระบบ ERP แต่ไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวดทำให้ข้อมูลตัวเลขที่ออกมาไม่ค่อยแม่นยำขาดความโปร่งใสจึงทำให้เกิดช่องโหว่ในการบริหารจัดการ

“การใช้แรงงานในการทำการผลิตทั้งหมดทำให้เกิดความผิดพลาดหลายอย่างหลังจากที่นำระบบเข้ามาใช้แล้วทำให้กระบวนการผลิตไหลได้อย่างสมบูรณ์ขึ้น”

นอกจากนี้ ArgoMES ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายและโอกาสความผิดพลาดด้านเอกสารได้ถึง 80% และยังช่วยให้กระบวนการทำงานเป็นมาตรฐาน สามารถสรุปผลความสำเร็จได้ดังนี้

ก่อนติดตั้งระบบ ArgoMES หลังใช้งานระบบ ArgoMES
การใช้แรงงานในการทำการผลิตทั้งหมด ทำให้คุณภาพสินค้าไม่คงที่ และสิ้นเปลืองวัตถุดิบมาก คุณภาพสินค้าคงที่สม่ำเสมอ และยังช่วยลดการสิ้นเปลืองของวัตถุดิบ
ใช้แรงงานคนในการควบคุมการเคลื่อนไหวสินค้า ก่อให้เกิดความผิดพลาดได้ตลอดเวลา ควบคุมการเคลื่อนไหวของสินค้าตั้งแต่เริ่มสั่งซื้อเข้ามาในรูปวัตถุดิบ ตลอดไปจนถึงผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปและจัดเก็บเข้าคลังสินค้า
ใช้เจ้าหน้าที่เก็บและบันทึกข้อมูล ซึ่งอาจไม่ครบถ้วน และไม่ผิดพลาดได้ อีกทั้งยังไม่สามารถนำข้อมูลที่บันทึกมาประเมินเพื่อปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพของสินค้าได้ รวบรวมและบันทึกข้อมูลทุกประเภทในระบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลวัตถุดิบ ข้อมูลการทำงานของเครื่องจักรการผลิต ข้อมูลปฏิบัติงานของพนักงานและข้อมูลขั้นตอนการผลิต จึงสามารถนำมาเป็นหลักการในการทำงานเพื่อปรับปรุง พัฒนา และช่วยควบคุมคุณภาพของสินค้าได้ นอกจากนั้นยังสามารถกำหนดปัญหาคุณภาพจากการตรวจสอบ เพื่อง่ายต่อการหามาตรการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
ไม่สามารถดึงข้อมูลที่บันทึกไว้มาประมวลผลได้แบบ Real time ง่ายต่อการดึงข้อมูลมาเปิดดูและบริหารจัดการในด้านการติดตามวัตถุดิบแบบย้อนกลับ การควบคุมคุณภาพและการผลิตนั้นสามารถรับรู้ได้แบบ Real time

จะเห็นได้ว่า ArgoMES สามารถช่วยให้ทำงานได้อย่างราบรื่นและสามารถควบคุมคุณภาพการผลิตได้ตามมาตรฐาน ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการผลิตได้เป็นอย่างมาก ทรัพยากรต่าง ๆ ในโรงงานก็ถูกใช้อย่างเกิดประโยชน์ที่สุดทำให้การบริหารขององค์กรมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ช่วยให้ผู้ประกอบการใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิมก้าวเข้าสู่ระบบการผลิตอัจฉริยะ(Intelligent Manufacturing) สนับสนุนให้ลูกค้าก้าวทันอุตสาหกรรม 4.0