ภาวะไขมันพอกตับ ต้นตอสู่ “มะเร็งตับ” กับ 7 วิธีดูแลสุขภาพตับไม่ให้พังจนสายเกินแก้

ภาวะไขมันพอกตับ ต้นตอสู่ “มะเร็งตับ” กับ 7 วิธีดูแลสุขภาพตับไม่ให้พังจนสายเกินแก้

เพราะ “ตับ” เปรียบเสมือนหัวใจที่ 2 ของร่างกาย เป็นศูนย์กลางการทำงานของร่างกายและต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากว่าสุขภาพตับไม่ดี สุขภาพของเราก็จะไม่ดีตามไปด้วย

จากกรณีศึกษาขององค์กรด้านการแพทย์และสุขภาพในปัจจุบัน ค้นพบดัชนีด้านสุขภาพและสุขภาวะของคนไทยที่เปลี่ยนไปและอยู่ในเกณฑ์ที่น่ากังวล โดยข้อมูลจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า “ประชากรไทยกว่า 71 ล้านคน มีผู้ที่ป่วยเป็นไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว สูงถึง 25-30% หรือราวๆ 1 ใน 3 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะส่งผลให้หลายคนต้องเผชิญกับภัยร้ายจากโรคตับ”

นอกจากนี้ ข้อมูลทางสถิติ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. พบว่า “มะเร็งตับ กลายเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย โดยมีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 16,000 คนต่อปี” ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่สนใจต่อ “สุขภาพตับ” ปล่อยให้ตับพัง จากการละเลยหรือการดูแลอันมาจากหลายปัจจัย อาทิ การกินอาหารที่มีไขมันสูง การกินอาหารที่มีรสหวานและน้ำตาลสูง การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกายจนเกิดภาวะอ้วน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และได้รับควันบุหรี่มือสองอย่างเป็นประจำ

“โรคตับเป็นโรคที่พบมากขึ้นกับคนไข้ในปัจจุบัน อาการป่วยที่เกี่ยวกับโรคของตับมีอยู่หลายระดับ ซึ่งผู้ป่วยบางรายแทบไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวช้าในตอนที่ร่างกายทรุดหนักแล้ว ซึ่งบางเคสก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง โดยคนปกติที่มี ‘สุขภาพตับดี’ ตับจะมีผิวเรียบ สีชมพู และไม่มีแผลเป็น ซึ่งเมื่อมีไขมันสะสมอยู่ในเซลล์ตับ จุดนี้จะถือว่าเข้าสู่ภาวะ ‘ไขมันพอกตับ’ จากนั้น หากยังไม่ดูแลสุขภาพหรือได้รับการรักษา จะมีการอักเสบและก่อให้เกิดพังผืด จนนำไปสู่เนื้อเยื่อตับสูญเสียหน้าที่ถาวร ซึ่งถือว่าเข้าสู่ภาวะ ‘ตับอักเสบ’

และหนักไปกว่านั้น เมื่อตับมีลักษณะขรุขระเต็มไปด้วยปุ่ม เซลล์ตับได้ถูกทำลาย นี่คืออาการของภาวะ ‘ตับแข็ง’ และเคสที่หนักที่สุดคือ ‘มะเร็งตับ’ เซลล์ตับมีการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ ทำให้การรักษาผู้ป่วยนั้นเป็นไปได้ยาก ยิ่งสุขภาพตับพังมากเท่าไหร่ เมื่อได้รับการฟื้นฟูช้า ก็ทำให้การรักษาเป็นสิ่งที่หมอต้องทำการบ้านอย่างหนักมากขึ้น ทางที่ดีอยากให้ผู้ที่มีร่างกายปกติและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับหันมาดูแลสุขภาพของตนเอง รวมถึงหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายและตับอย่างเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อทราบแนวทางดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงยาวนาน”

จึงขอแนะนำวิธีดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคตับภัยร้ายใกล้ตัว มีทั้งหมด 7 ข้อ ดังนี้

1. เลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและอาหารปรุงแต่ง

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

4. หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง รวมถึงอาหารเสริมที่ไม่มีแหล่งที่น่าเชื่อถือมากพอ

5. หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารหวาน การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกาย

6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี โดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น

7. เลือกกินอาหารหรือสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการดูแลตับ เช่น ‘สารสกัดจากบรอกโคลี’ ‘สารสกัดจากชะเอมเทศ’ และ ‘สารสกัดจากเมล็ดองุ่น’ ที่มีส่วนช่วยกำจัดสารพิษ ช่วยลดการอักเสบและการเกิดพังผืด เพื่อช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินของเซลล์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และปกป้องเซลล์ตับจากการถูกทำลาย รวมถึง ‘เลซิติน’ ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในไข่แดง ถั่ว ถั่วเหลือง นม เมล็ดทานตะวัน ตับ เนื้อสัตว์ บริวเวอร์ยีสต์ และอื่น ๆ มีส่วนช่วยในการลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ลดความดันโลหิต และมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของตับจากไขมันพอกตับได้

ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพและสุขภาวะให้เกิดบาลานซ์ที่ดี เริ่มตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกาย การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่การทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพและจำเป็นต่อร่างกาย จะทำให้ทุกคนมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างปัญหาไขมันพอกตับและปัญหาที่มาจากโรคของตับได้ไม่ยาก

 

Writer : พญ.ณัฐธิดา ศรีบัวทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ

ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus