เบื้องหลังการสร้างธุรกิจ ‘บุญรอดบริวเวอรี่’ ให้เติบใหญ่ ในยุค CEO ‘ภูริต ภิรมย์ภักดี’

“ผมจะไม่ยอม Compromise กับคุณภาพของสินค้าของเรา ผลิตภัณฑ์ของบุญรอดฯ ต้อง The Best Quality เท่านั้น เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีให้เราตลอด 90 ปี”

 

หลังเข้ารับตำแหน่ง CEO อายุน้อยที่สุดของตระกูล ‘ภิรมย์ภักดี’ เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติอย่างมีนัยสำคัญ

 

วันที่เขาเดินทางมารับรางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2023 ประเภทอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เราถามเขาว่า คุณมีแนวคิดบริหารองค์กรอย่างไร หลังเข้ารับตำแหน่ง CEO ได้ไม่นาน จนสามารถนำ ‘บุญรอดบริวเวอรี่’ เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ

 

“ผมจะไม่ยอม Compromise กับคุณภาพของสินค้าของเรา ผลิตภัณฑ์ของบุญรอดฯ ต้อง The Best Quality เท่านั้น เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีให้เราตลอด 90 ปี” นั่นคือคำตอบที่เราได้

จากนั้นอีกหลายบทสนทนาก็มีคำตอบที่ชัดเจนว่า จากนี้องค์กรอย่าง ‘บุญรอดบริวเวอรี่’ จะเติบใหญ่แบบไหน เชิญทุกท่านพบกับคำตอบได้เลย…

 

คุณภูริต บอกว่า หัวใจการการดำเนินธุรกิจในยุคนี้ ต้องมีชุดวิธีคิด กระบวนการ เครื่องมือ และทีมงาน รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ซึ่งต้องมีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับการทำงานให้ดีขึ้น ซึ่งฉีกจากกรอบการทำงานแบบเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นในยุคก่อนหน้านี้  โดยแนวคิดหรือไอเดียใหม่ ๆ ไม่จำเป็นต้องอาศัยการทำงานแบบเก่า แต่ต้องถูกสร้างให้เป็นต้นแบบการทำงานแบบใหม่ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่า ในยุคการบริหารของผมมีหลายส่วนที่มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน

 

“ผมถูกเลี้ยงดูและสั่งสอนในแบบฉบับที่เรียกว่า แบ่งปัน นั่นเพราะยุคนี้เป็นการสร้างความสำเร็จบนความร่วมมือ (Collaboration) กับพันธมิตรรายใหม่ ๆ เพื่อหา Solutions แบบใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า เพื่อการเติบโตแบบยั่งยืน

 

ใครที่ปรับตัวได้เร็ว สามารถนำเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า คุณก็จะได้ประโยชน์จากเกมธุรกิจที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

 

ความสำคัญของการเข้าใจผู้บริโภคให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถสร้างแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่ดีไปถึงมือผู้บริโภค คือ หัวใจธุรกิจที่กลุ่มบุญรอดฯ จะยึดมั่นตลอดไป เพียงแต่จะแตกต่างด้วยแนวทางการสื่อสาร ซึ่งท้ายที่สุดผู้บริโภคจะทราบถึงคุณค่าที่ดีที่สุดของสินค้าว่าเขาซื้อจากเราด้วยเหตุผลอะไร

 

ในอดีตโชคดีของผม คือ การที่ผมได้ Rotate งานทุกหน่วยงานในองค์กรมาก่อน ทำให้ผมเข้าใจภาพใหญ่ขององค์กรว่า สิ่งที่ทุกคนคิดคืออะไร Message ของสินค้าที่กำลังจะเปิดตัว เรากำลังส่งมอบคุณค่าอะไรออกไป และอีกหลาย ๆ อย่าง ได้หลอมรวมผมในอดีต ทำให้ผมสามารถประกอบจิ๊กซอว์ได้ และการที่ผมใช้หลักคิดที่ว่า อย่าเป็นผู้บริหารในลักษณะที่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว นั่นเพราะคุณจะไม่เกิดการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เลย เช่น ครั้งหนึ่งเราพยายามจะหา New S-Curve ตัวใหม่ นั่นคือ แบรนด์ LEO โดยในวันนั้นก็มีการคุยถึงแนวทางการตลาดที่ฉีกไปจากเดิม

ผม ทีมงาน ทั้งใน/นอกที่ทำงานร่วมกัน เราหลอมรวมทุกไอเดียจากการศึกษาและเข้าใจในแง่มุม (Insight) ของกลุ่มลูกค้าในทุก ๆ ด้านอย่างลึกซึ้ง เพราะครั้งนี้เราแพ้ไม่ได้ ดังนั้น วิธีการสื่อสาร การสร้างแบรนด์ ที่นำเสนอความคุ้มค่าในทุก ๆ มิติ ให้กับผู้บริโภค จึงเกิดขึ้น

 

สิ่งที่ผมพยายามบอกก็คือ ถ้าเราเป็นผู้บริหารในลักษณะที่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว หรือแค่นั่งคอยฟังคำตอบจากบนหอยคอย คุณจะไม่ได้ลิ้มรสความสำเร็จเลย และต้อง Never give up ไม่ยอมแพ้ ถ้าเราทำอะไรก็แล้วแต่เราตั้งใจทำจริง มี passion ที่จะทำจริง ๆ ผมว่ามันสำเร็จแน่นอนอยู่แล้ว ที่สำคัญผมจะทำทุก ๆ วันให้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ถ้าเราคิดแบบนี้เราจะทำอะไรได้เยอะ ภายใน 1 วัน ผมเชื่อว่าทุก ๆ ความสำเร็จมันเกิดจากความตั้งใจ

 

ผู้นำองค์กรที่ดีในยุคนี้ ควรเน้นสิ่งที่เราชำนาญ รู้และเข้าใจเป็นอย่างดี สามารถต่อยอดหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ จากพันธมิตรได้ เพราะจากจุดนี้ เราสามารถหาโอกาสจากตลาดกลุ่มใหม่ได้ และผมไม่ได้มองกำไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แน่นอนในแง่การดำเนินธุรกิจ ผลประกอบการที่ดีคือ ดัชนี้วัดความสำเร็จ แต่อีกแง่หนึ่งเราอาจจะได้มากกว่าในอนาคต เพราะธุรกิจแบ่งปัน คือ แนวทางและเป็นสิ่งสำคัญของคัมภีร์การสร้างความสำเร็จจากนี้เป็นต้นไป

 

และทิ้งท้ายกับคำถามที่เราถามเขาว่า เบื้องหลังการสร้าง ‘บุญรอดบริวเวอรี่’ ให้เติบใหญ่ ในยุค CEO ‘ภูริต ภิรมย์ภักดี’ คุณมีเคล็ดลับอย่างไร

“ความเป็นผู้นำ ควรเข้าใจทุกรายละเอียดของบริษัท และเข้าใจความรู้สึกของคนทำงานเป็นสิ่งสำคัญ ผู้นำควรเป็นคนที่พร้อมที่จะรับฟังและปรับปรุง โดยไม่ต้องเป็นผู้รู้ทุกอย่าง องค์กรอย่าง ‘บุญรอดบริวเวอรี่’ ผสมผสานทั้งมืออาชีพและคนทำงานในทุกเจเนอเรชัน

 

ผมเลือกที่จะบริหารกับสิ่งที่ผมรู้ และผมเอาคนที่เก่งใน Industry เข้ามาช่วยกัน โดยจุดที่เราอยู่คือ Beverage เราเป็นอันดับ 1 ในเมืองไทย ซึ่งสิ่งที่ชำนาญและเชี่ยวชาญ คือ ผมรู้ลึกและเต็มใจที่จะรับฟัง ปรับปรุง และพร้อมที่จะสร้างความร่วมมือและเอื้อเฟื้อให้กับทีมงานทุกคน เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม และเห็นว่าเราสามารถเดินไปอย่างมั่นคงได้ บนความร่วมมือของทุกคน ซึ่งแนวทางนี้จะเป็นเส้นทางของ ‘บุญรอดบริวเวอรี่’ ตลอดไป