เบื้องหลังความสำเร็จแบรนด์ BMW-MINI ครองใจผู้บริโภค

ปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ครองตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมไทย ประกาศยอดขายในปี 2563 สูงสุดในเซกเมนต์ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิรวม 12,426 คัน และอีกความน่าสนใจคือ การปรับแนวทางการพัฒนาธุรกิจของแบรนด์ ได้ค้นพบโอกาสและวิธีการใหม่ ๆ ในการเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น

 

และผลิตภัณฑ์ 2 รุ่นที่มีความโดดเด่น เป็นการเปิดตลาดครั้งแรกนั่นคือ รถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูง BMW X7 xDrive30d M Sport รถยนต์หรูในเซกเมนต์รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) ซึ่งหลอมรวมทั้งความคล่องตัว ทรงพลัง และความโอ่อ่าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

 

ส่วนมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ สืบทอดตำนานความคลาสสิกตามแบบฉบับมินิ 3 ประตู แต่สวมหัวใจขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จึงทำให้ มินิ คูเปอร์ เอสอี ขับเคลื่อนด้วยการไร้การปล่อยมลพิษได้อย่างแท้จริง

 

จากความโดดเด่นในหลาย ๆ มิติ ทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองรุ่นสามารถครองใจผู้บริโภคและเทคะแนนให้ จนคว้ารางวัล Business+ Productof the Year Awards 2021 ไปครองผลจากการระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ยาวนาน ทำให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวตามวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) อุตสาหกรรมรถยนต์ก็เช่นกัน แต่เชื่อหรือไม่ว่า มีหนึ่งบริษัทที่เติบโตท่ามกลางความท้าทายครั้งนี้ นั่นคือ  บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

 

ผลงานที่โดดเด่นในหลายมิติ ซึ่ง มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย บอกกับ Business+ ว่า “ปีที่ผ่านมาเราต้องเผชิญกับความพิเศษและแตกต่างไปจากเดิมอย่างแท้จริงด้วยวิธีคิดที่มุ่งมองไปข้างหน้า เราปรับตัวสู่ความเป็นดิจิทัล เพื่อรองรับความท้าทายระดับโลก ในการตอบโจทย์ความต้องการในการบริหารจัดการตัวเลือกต่าง ๆ เพื่อการเดินทางในวันนี้และวันข้างหน้า

 

และผลจากการทำงานหนักในหลาย ๆ ส่วน ส่งผลให้เราครองตำแหน่งผู้นำรถยนต์พรีเมียมในปีที่ผ่านมา และจะยังคงมุ่งรักษาตำแหน่งผู้นำในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมของประเทศไทยไว้ ด้วยการนำเสนอรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ที่พร้อมด้วยสมรรถนะและสไตล์ที่โดดเด่นยนตรกรรมรุ่นต่าง ๆ ของเรา จากทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ตอกย้ำถึงความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เราเสนอให้กับลูกค้า

 

ตั้งแต่รุ่นยนตรกรรมที่พกความหรูหราและสปอร์ตเหนือระดับไปจนถึงความตื่นเต้นเร้าใจบนสนามแข่งและการขับขี่แบบครูซซิ่ง นอกจากนี้ ยังคงมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งได้พัฒนามาอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา และจะยังคงขยายวิธีการอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถออกเดินทางสำรวจจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ทั่วประเทศ

 

ความสำเร็จทางธุรกิจของเราในไตรมาส 3 ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ผู้ขับขี่ทั่วประเทศมีให้ต่อแบรนด์ของเรา แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อตลาดประเทศไทยอีกด้วย และเป็นอีกครั้งที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในเซกเมนต์ยนตรกรรมพรีเมียมไว้ได้

 

ความสำเร็จนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการปรับตัวและความมุ่งมั่นในการพัฒนา ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับธุรกิจของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปในประเทศไทย ด้วยศักยภาพการผลิตที่โดดเด่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

 

มร. อเล็กซานเดอร์ มองว่า “สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ลูกค้าจะเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ โดยเราเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในประเทศไทย ที่เสนอและส่งมอบระบบขับเคลื่อนทั้ง 3 แบบ ทั้งระบบสันดาปภายใน ปลั๊กอินไฮบริด และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนให้กับลูกค้าชาวไทยมาตั้งแต่ปี 2558 จึงเรียกได้ว่า มีผลิตภัณฑ์พร้อมเสนอให้กับลูกค้าทุกราย และพร้อมสำหรับการแข่งขันในทุกเซกเมนต์

 

แต่ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดสำหรับทุกคน การแพร่ระบาดของ Covid-19 สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงในทุกภูมิภาค อย่างไรก็ตาม เราก็ได้พบโอกาสและวิธีการใหม่ ๆในการเข้าถึงฐานลูกค้า และรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์และการบริการหรูหราเหนือระดับได้อย่างที่เราให้คำมั่นสัญญาไว้

 

การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดขึ้นสิ่งหนึ่ง คือการยอมรับที่จะเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอ มอเตอร์โชว์ หรือการจัดงานเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นต่างๆ ผ่านช่องทางดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งแคมเปญเหล่านี้ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยมและประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง อันเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นว่า บริการดิจิทัลของเราได้เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มคนต่าง ๆ พร้อมสื่อสารภารกิจของเราผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และสร้างการเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น

 

เราทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องสุขภาพของลูกค้า รวมไปถึงความปลอดภัยสูงสุดของพนักงานและผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของเราทุกคน โดยได้จัดทำมาตรการป้องกันเพื่อปกป้องสุขภาพของพวกเขา เราได้สนับสนุนให้ผู้จำหน่ายของเราปฏิบัติตามเกณฑ์เพื่อให้ได้มาซึ่งการรับรองตามมาตรฐาน Safety and Health Administration (SHA)

 

ยิ่งไปกว่านั้นเรายังเสนอบริการระดับพรีเมียมให้กับลูกค้าถึงบ้านไม่ว่าจะเป็นการทดสอบรถยนต์ที่บ้าน บริการด้านสุขอนามัยรวมถึงการฆ่าเชื้อในการทำความสะอาดรถยนต์ การนัดหมายเช็กสภาพรถผ่านช่องทางออนไลน์ และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย และเราเชื่อว่าการที่เรายังคงรักษาตำแหน่งของเราในอุตสาหกรรมได้เป็นเพราะการปรับแนวทางการพัฒนาธุรกิจของเรา เกิดขึ้นจากการให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าอันเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญยิ่ง

 

นอกจากนี้ เราให้ความสำคัญต่อประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ของเราเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนหน้า ระหว่าง หรือหลังเกิดการแพร่ระบาด จึงเป็นข้อพิสูจน์ต่อลูกค้าว่าเราสามารถส่งมอบบริการคุณภาพระดับพรีเมียมได้ต่อเนื่องเช่นเคยอย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการที่โชว์รูมหรือที่บ้านของลูกค้าเอง”

 

สำหรับผลิตภัณฑ์ 2 รุ่นที่มีความโดดเด่น จนคว้ารางวัล Business+ Product of the Year Awards 2021 ไปครองในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูง BMW X7 xDrive30d M Sport และผลิตภัณฑ์รถยนต์นั่งหรูหราระดับต้น  MINI Cooper SE ซึ่งมร. อเล็กซานเดอร์ บอกกับเราว่า รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X7 ถือเป็นที่สุดของตระกูล X และเป็นรุ่นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่บีเอ็มดับเบิลยูเคยผลิตอีกด้วย ทั้งยังสืบสานความเป็นบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ตลอด 100 ปีที่ผ่านมา ในการเป็นผู้ผลิตยานยนต์พรีเมียมชั้นนำระดับโลก ที่มีความโดดเด่น มีวิสัยทัศน์ และความล้ำสมัย

 

แม้จะเป็นยนตรกรรมที่มีขนาดใหญ่และสง่างาม แต่ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู X7 ให้ความรู้สึกที่ปราดเปรียวและคล่องตัว ด้วยงานดีไซน์ที่พิถีพิถันพร้อมด้วยการตกแต่งสไตล์สปอร์ต นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X7 ยังนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โดดเด่นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและบริการทางดิจิทัล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู X7

 

ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรถที่ง่ายดายเพียงใช้ Digital Key ที่เชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการสุดล้ำสมัยและสั่งการได้ง่ายในห้องโดยสาร ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชันและตัวช่วยที่หลากหลายให้ทุกการเดินทางเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคลเพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุด

 

ส่วน มินิ คูเปอร์ เอสอี ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% เป็นรถยนต์จากมินิที่เข้ามาบุกเบิกยนตรกรรมไฟฟ้าสำหรับการขับขี่ในตัวเมือง โดยกว่า 62 ปีที่แล้ว มินิได้นำเสนอนิยามใหม่ของการใช้พื้นที่ในตัวรถอย่างสร้างสรรค์ เพื่อมอบความสนุกสนานในการขับขี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมินิในเซกเมนต์ Premium Compact เป็นครั้งแรก และในวันนี้ ด้วยมินิ คูเปอร์ เอสอี เราก้าวสู่อนาคตแบบใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งประสบการณ์ในการขับขี่อันน่าหลงใหลของการโลดแล่นบนท้องถนน เราจึงตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่แฟน ๆ ชาวไทยได้สัมผัสปรากฏการณ์ครั้งใหม่จากมินิที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อเดินหน้าสู่อนาคตที่สะอาดและปลอดมลพิษ ทั้งยังคงตอบสนองความเร้าใจในการขับขี่ที่แฟน ๆ ต่างคาดหวังจากมินิได้เช่นเคย

 

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานจากนี้ ในฐานะผู้นำด้านยานยนต์และบริการระดับพรีเมียมในประเทศไทย มร. อเล็กซานเดอร์ บอกว่า เรายังคงมุ่งมั่นดำเนินงานตามเป้าหมายด้วยการส่งมอบความพึงพอใจในการขับขี่ พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และแนวคิด “พลังแห่งทางเลือก” หรือ “Power of Choice” ให้กับลูกค้าของเรา และเราเองเชื่อมั่นว่า ความสำคัญแห่งยุคที่จะมาถึงนี้ คือการเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาสใหม่ ๆ

 

สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เรายังมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอีกด้วย เราได้เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู iX และ iX3 รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ 100 % (All-Electric Sports Activity Vehicles (SAV)) อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเปลี่ยนนิยามของการขับขี่แห่งอนาคตรูปแบบใหม่ และเราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างคนไทยในช่วงการฟื้นตัวจาก Covid-19 เพื่อก้าวเดินไปสู่อนาคตที่ดีและสดใสยิ่งขึ้น