เปิดข้อมูลบริษัทก่อสร้างไทย ที่มีโครงการสร้างชื่อ

ในโลกของการพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน “บริษัทรับเหมาก่อสร้าง” คือกำลังหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและเชื่อมต่อทุกภูมิภาคเข้าด้วยกัน ตั้งแต่รถไฟฟ้า ทางด่วน สนามบิน ไปจนถึงอาคารแลนด์มาร์กระดับประเทศ เมื่อบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ของไทยต่างเดินเกมธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น และความท้าทายจากต้นทุนวัสดุที่ผันผวน รวมถึงการเร่งเดินหน้าโครงการภาครัฐมูลค่าหลายแสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของโครงการต่าง ๆ สังคมไทยก็ยังต้องเผชิญ “เงามืด” ของปัญหาคุณภาพงานก่อสร้างที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ไม่ว่าจะเป็นถนนพระราม 2 ที่ต้องซ่อมไม่รู้จบและกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “งานไม่เสร็จสักที”, เหตุการณ์ดินทรุดบริเวณโครงการรถไฟฟ้า MRT ที่ทำให้ประชาชนกังวลถึงมาตรฐานความปลอดภัย, หรือแม้แต่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่ใช้งบประมาณกว่าหมื่นล้านบาท แต่กลับถูกตั้งคำถามเรื่องคุณภาพวัสดุและระบบรั่วซึม นี่คือภาพสะท้อนสำคัญว่า “วงการก่อสร้างไทย” ไม่ได้แข่งขันกันแค่เรื่องความใหญ่โตของโครงการ แต่ยังต้องต่อสู้กับความเชื่อมั่นของสังคมที่เริ่มสั่นคลอนด้วย

ในบรรดาผู้เล่นหลักของอุตสาหกรรม “4 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการก่อสร้างไทย” ได้แก่ ช.การช่าง, อิตาเลียนไทย, ซิโน-ไทย, และ ฤทธา ต่างมีผลงานที่เป็นที่รู้จักและกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองไทยอย่างแท้จริง

เริ่มจาก ช.การช่าง หนึ่งในบริษัทก่อสร้างที่ครองบทบาทผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การบริหารของ ปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร ทายาทตระกูลตรีวิศวเวทย์ ผู้สืบทอดตำนานวิศวกรผู้บุกเบิกโครงสร้างพื้นฐานไทยมายาวนาน

ช.การช่าง คือผู้สร้าง “เส้นเลือดใหญ่ของเมืองหลวง” ผ่านโครงการสำคัญอย่าง รถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล, สายสีม่วง, สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย, สายสีส้ม และ มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน–นครราชสีมาผลลัพธ์คือรายได้รวมในปี 2567 สูงถึง 38,769.91 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,445.9 ล้านบาท ตัวเลขนี้ตอกย้ำความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่คงเส้นคงวา แต่ขณะเดียวกัน โครงการภายใต้การก่อสร้างของบริษัทก็ไม่พ้นเสียงวิจารณ์จากสังคม โดยเฉพาะเหตุการณ์ ดินทรุดบริเวณแนวก่อสร้าง MRT สายม่วง ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันด้านความปลอดภัยและการควบคุมมาตรฐานงานที่ต้องเข้มงวดขึ้น

ในอีกฟากหนึ่งของวงการก่อสร้างไทย อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ อีกชื่อที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์วงการก่อสร้างไทยมายาวนาน ภายใต้การก่อตั้งของ ตระกูลกรรณสูต ร่วมกับนักลงทุนอิตาเลียน “จิโอจิโอ เบลลินเจียรี่” อิตาเลียนไทย หรือ ITD คือผู้สร้างงานระดับชาติและนานาชาติ ทั้ง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, โครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน, และ ถนนพระราม 2 ระยะที่ 1–2 ที่แม้จะเป็นโครงสร้างสำคัญของประเทศ แต่ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่อง “ความล่าช้าและการซ่อมซ้ำซาก” จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของระบบก่อสร้างภาครัฐที่ยังขาดความคล่องตัว

แม้ อิตาเลียนไทย จะมีรายได้รวมสูงที่สุดในกลุ่มถึง 72,453.98 ล้านบาท แต่กลับขาดทุนสุทธิ −5,775.85 ล้านบาท สะท้อนแรงกดดันจากต้นทุนวัสดุ ค่าแรง และการรับงานขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาคืนทุนยาวนาน อย่างไรก็ตาม ชื่อของอิตาเลียนไทยยังคงเป็น “เสาหลักของงานโครงสร้างระดับชาติ” ที่ภาครัฐยังต้องพึ่งพาในหลายโครงการ

ถัดมา ซิโน-ไทย หรือ สเตคอน กรุ๊ป ก่อตั้งโดย ตระกูลชาญวีรกูล และปัจจุบันบริหารโดย ภาคภูมิ ศรีชำนิ ซิโน-ไทยมีชื่อเสียงในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านโครงการระบบรางและอาคารขนาดใหญ่ เช่น อาคารรัฐสภาแห่งใหม่, โครงการแอร์พอร์ตลิงก์, MRT สายสีชมพู และ สายสีเหลือง
แต่ในอีกด้านหนึ่ง อาคารรัฐสภาที่บริษัทเป็นผู้ก่อสร้างกลับถูกตั้งคำถามอย่างหนักเรื่อง “คุณภาพไม่สมงบประมาณ” โดยเฉพาะปัญหา รอยรั่วซึม และระบบไฟที่มีปัญหา ทั้งที่ใช้งบกว่า 12,000 ล้านบาท ปัจจุบันงบบานไม่หยุด ซึ่งใช้งบไปเกือบ 23,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ซึ่งกลายเป็นกรณีศึกษาเรื่องความโปร่งใสและการบริหารโครงการภาครัฐ

ซิโน-ไทย มีรายได้รวมปี 2567 ที่ 30,345.58 ล้านบาท แต่ยังขาดทุนสุทธิ −2,357.39 ล้านบาท ทว่าในแง่ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค บริษัทก็ยังคงเป็น “ตัวจริง” ในโครงการระบบรางระดับประเทศที่ต้องการทีมวิศวกรเฉพาะทาง

ในขณะที่ ฤทธา “ดาวรุ่งสายเอกชน” ที่กำลังฉายแสงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้การก่อตั้งของ สุวัฒน์ เชาว์ปรีชา และทีมวิศวกรร่วม อีก 4 ท่าน ได้แก่ คุณอุทร ภูษิตกาญจนา, คุณกมล โอภาสกิตติ, คุณอารักษ์ ศศิพงศ์ปรีชา และคุณขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ซึ่งปัจจุบันนำทัพโดย คุณปณิธาน เทพนิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

ฤทธา โดดเด่นด้วยแนวคิด “ผสานศิลปะเข้ากับวิศวกรรม” ผลงานที่สร้างชื่อ ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ, โรงแรมโรสวู้ด แบงคอก, โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค, และ Dior Gold House ซึ่งต่างเป็นสัญลักษณ์ของงานก่อสร้างระดับพรีเมียมที่เน้นความประณีตและดีไซน์ รายได้รวมปี 2567 อยู่ที่ 18,089.16 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 925.08 ล้านบาท — หนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ยังรักษาผลกำไรได้ต่อเนื่องในปีที่ตลาดก่อสร้างเผชิญแรงกดดันรอบด้าน

แม้โครงสร้างพื้นฐานไทยจะก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังถูกท้าทายจาก “คุณภาพ ความปลอดภัย และความโปร่งใส” ที่สังคมจับตาอย่างใกล้ชิด ปีนี้จึงเห็นได้ชัดว่า ช.การช่าง และ ฤทธา ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคงด้วยผลกำไรและมาตรฐานงานที่ได้รับความเชื่อถือ ขณะที่ อิตาเลียนไทย และ ซิโน-ไทย แม้จะยังเป็นแบรนด์ระดับชาติ แต่ต้องเร่งฟื้นฟูโครงสร้างการเงินและความเชื่อมั่นต่อสาธารณะ

สุดท้าย “บริษัทก่อสร้างไทย” ไม่ได้แข่งกันแค่รายได้หรือจำนวนโครงการ แต่คือการแข่งขันใน คุณภาพ ความตรงเวลา และความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะในสนามนี้ ผู้ที่สามารถสร้างสมดุลระหว่าง เทคโนโลยี วิศวกรรม และความไว้วางใจของประชาชน ได้ดีที่สุด ไม่เพียงจะสร้างอาคารหรือทางด่วน แต่จะเป็นผู้สร้าง “ชื่อเสียงและอนาคตของประเทศ” ไปพร้อมกัน

ที่มา : เว็บไซต์บริษัท , SET , DBD , Mrta

#BusinessPlus
#ธุรกิจ
#บริษัทก่อสร้างไทย