วันนี้ Business Plus จะพามาส่องอาณาจักรของสหพัฒน์ ท่ามกลางการแข่งขันในสมรภูมิสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยและโลก “สหพัฒนพิบูล” ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ที่มีเครือข่ายแบรนด์ในมือมหาศาล
โดยแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยมาอย่างยาวนาน อย่างเช่น มาม่า, เปา, โคโดโม, ไลปอนเอฟ ไปจนถึงแบรนด์ขนมปังรายใหญ่ของประเทศอย่าง Farmhouse และด้วยการสร้างระบบนิเวศธุรกิจครบวงจรที่หยั่งรากลึกมากว่าครึ่งศตวรรษ ทำให้สหพัฒน์ไม่เพียงแค่เป็นผู้เล่นสำคัญ แต่ยังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่อยู่คู่สังคมไทย
เมื่อย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้น สหพัฒนพิบูลก่อตั้งขึ้นในปี 2517 ภายใต้การนำของบุญชัย โชควัฒนา และสามารถเติบโตจากธุรกิจครอบครัวสู่การเป็นอาณาจักรที่มีรายได้ในปี 2567 รวมกว่า 109,965.82 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 14,224.85 ล้านบาท นี่เป็นเพียงแค่รายได้จากบริษัทในเครือ 17 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งยังไม่รวมกับบริษัทย่อยที่ยังไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนให้เห็นถึงพลังทางเศรษฐกิจอันมหาศาลที่ครอบคลุมตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ไปจนถึงแฟชั่นและค้าปลีก.
นอกจากผลิตและจำหน่ายสินค้าด้วยตัวเองแล้ว สหพัฒนพิบูลยังเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ดังระดับโลกมากมายยกตัวอย่างเช่น Adidas, Pocari Sweat และ Lacoste ซึ่งการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ต่างประเทศควบคู่กับแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง มาม่า, ตราคิวพี และตราแม่ประนอม ทำให้บริษัทสามารถกระจายความเสี่ยงและสร้างรายได้จากหลายมิติได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังมีศักยภาพในการปรับตัวสู่ตลาดอาเซียนและระดับโลกได้รวดเร็ว.
และเมื่อวิเคราะห์จากแบรนด์ทั้งหมดในเครือที่มีทั้ง อุปโภค บริโภค ตั้งแต่สินค้าจำเป็น สินค้าด้อยคุณภาพ ไปจนถึงสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างสินค้าแฟชั่น ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม ทำให้ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตด้านใดเครือสหพัฒน์ ก็ยังยืดหยัดอยู่ได้ และยังมีการเติบโตได้จากการกระจายความเสี่ยงไปเกือบทุกประเภทสินค้า
และอีกจุดแข็งของสหพัฒน์ที่แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นยังมีเรื่องของ “ระบบเครือข่าย” ที่ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ไปจนถึงศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งทั้งหมดนี้กลายเป็นข้อได้เปรียบเชิงแข่งขันที่ยากจะลอกเลียน
ที่มา : เว็บไซต์บริษัท , DBD , SET