Dime! แอปพลิเคชั่นลงทุนที่มีลูกค้าเป็น GenY กับ GenZ เกือบ 100%

ถ้าพูดถึงแอปพลิเคชั่นการลงทุนที่สามารถเทรดหุ้นแบบ Fractional Shares หรือการเทรดเศษหุ้นได้ เราก็คงจะนึงถึงแอปฯ Dime! ขึ้นมาเป็นแอปฯแรกๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นการลงทุน ซึ่งล่าสุด Dime! ถือเป็นแอปฯที่มาแรงสุดๆ ด้วยยอดดาวน์โหลดมากกว่า 2 ล้านครั้ง และผู้ใช้งานกลุ่ม GenY ราว 45% และ GenZ ราว 45% เท่ากับว่ากลุ่มผู้ใช้ทั้ง 2 กลุ่มนี้รวมกันมากกว่า 90%

สาเหตุหลักๆที่ทำให้ Dime! สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้เกิดจาก 5 ข้อหลักๆ คือ

  1. ฟังก์ชันต่างๆ ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย โดยที่ Dime! ให้ความสำคัญกับ Customer Experience อย่างมาก โดยที่การออกแบบ UX UI เน้นไปที่ Customer Centric เพราะนี่คือจุดที่จะทำให้ Dime! แตกต่างจากแอพลิเคชันการลงทุนอื่นๆ
  2. สามารถลงทุนหุ้นอเมริกาด้วยเงินเพียง 50 บาท ด้วยการซื้อขายเศษหุ้น (แฟร็กชันนัลแชร์) ซึ่งเป็นการซื้อขายหุ้นเป็นส่วนย่อยๆ ที่น้อยกว่า 1 หุ้นเต็ม เช่น 5 หุ้น หรือ 0.01 หุ้น ทำให้ผู้ลงทุนที่มีงบประมาณจำกัดอย่างกลุ่ม GenZ สามารถลงทุนในบริษัทที่มีราคาสูงได้โดยได้สัดส่วนความเป็นเจ้าของและสิทธิประโยชน์ตามสัดส่วนที่ถือครอง  และลงทุนทองคำเริ่มต้นที่ 100 บาท
  3. ไม่ต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงินเอง โดยสามารถใช้เงินบาทซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้โดยใช้เงินบาทโดยตรง และยังสามารถซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้ทั้งในและนอกเวลาทำการของตลาด
  4. เทรดฟรีช่วงแรก โดยมีโปรโมชันฟรีค่าธรรมเนียมบางรายการ เช่น ฟรีค่าคอมมิชชันเดือนละไม้สำหรับหุ้นไทย หรือฟรีค่าคอมฯ สำหรับออปชัน 3 เดือน เหมาะสำหรับคนที่อยากรู้เรียนรู้การลงทุนในขั้นเริ่มต้น
  5. มีคอนเทนต์ความรู้ด้านธุรกิจและการเงินให้ติดตามสม่ำเสมอ เพราะ Dime! เป็นธุรกิจในเครือบริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด (KKP Dime) ที่เชี่ยวชาญเรื่องการออกบทวิเคราะห์ด้านการลงทุนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ซึ่งตอนนี้ถือว่า Dime! ได้ทำเป้าหมายที่อยากจะเป็นแอปการลงทุนสำหรับคนรุ่นใหม่ได้สำเร็จแล้ว แต่เป้าหมายสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดคือการเป็น ‘แพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์การเงินครบวงจร’ ดังนั้นตอนนี้ Dime จึงได้เริ่มเป้าหมายถัดมา นั่นคือการให้บริการที่เกี่ยวกับการเงินและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของ Gen Z ในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ด้วย 3 ผลิตภัณฑ์และ 1 บริการใหม่ ได้แก่

  1. ออปชันหุ้นสหรัฐฯ เครื่องมือช่วยบริหารความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการลงทุน โดย Dime! ได้ใช้จุดแข็งของแอปพลิเคชันในเรื่องการใช้งานง่าย มาพลิกให้ประสบการณ์การใช้ “ออปชัน” ที่ซับซ้อน กลายเครื่องมือที่ทุกคนเข้าถึงได้ ด้วยอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย เพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับนักลงทุนได้ทั้งช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง พร้อมชูจุดเด่นค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส และเอาใจลูกค้าเก่าและใหม่ด้วยแคมเปญเทรดฟรีไม่จำกัดรายการนานถึง 3 เดือน
  2. ประกันภัยการเดินทางไดม์ใจ จุดเด่นคือสามารถซื้อง่ายภายใน 5 นาที เบี้ยเริ่มต้นเพียง 140 บาท ปรับแต่งความคุ้มครองได้ตามต้องการ เช่น เพิ่มความคุ้มครองเมื่อเที่ยวบินล่าช้าหรือกระเป๋าสูญหาย เริ่มเพียง 29 บาทต่อวัน พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงทั่วโลก และปรึกษาแพทย์ออนไลน์ฟรี
  3. บัตรเดบิตไดม์เนิน กระเป๋าสตางค์สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก (Borderless Wallet) ที่มีอัตราแลกเปลี่ยนดีที่สุดเทียบเท่าสถาบันการเงินชั้นนำ รับดอกเบี้ยสูงสุด 5% ต่อปีจากเงินที่พักในบัตร แลกเงินได้ 9 สกุลหลัก พร้อมตัวเลือกแลกเงินแบบทันทีโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนขณะแลก หรือกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ต้องการไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ระบบแลกเงินให้อัตโนมัติเมื่อได้อัตราแลกเปลี่ยนตามที่กำหนด พร้อมเชื่อมโยงเงินจากการขายหุ้นหรือเงินปันผลสู่การใช้จ่ายทันที
    ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ทั้งนี้ บัตรเดบิตใช้จ่ายทั่วโลกไดม์เนิน จะพร้อมให้บริการช่วงต้นปี 2569
  4. รอยัลตี้โปรแกรมอย่าง “Dime! Club” บริการพิเศษเพื่อยกระดับความผูกพันระหว่างนักลงทุนกับแอปพลิเคชัน ไปอีกขั้น ด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น สิทธิ์เทรดหุ้นฟรีสูงสุดทั้งวันทำการ ส่วนลดพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน และสิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษก่อนใคร โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568

เป็นที่น่าจับตามองว่า ทั้ง 4 ส่วนนี้จะสามารถเข้ามาเติมเต็ม Ecosystem การเงินให้แข็งแกร่งขึ้น และทำให้ Dime! เข้าใกล้การเป็นแพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์การเงินครบวงจรได้เร็วๆนี้หรือไม่ เพราะต้องบอกว่ากลุ่ม GenZ จะกลายเป็นกลุ่มที่มีบทบาทต่อตลาดการเงิน และการลงทุนโลกในอีกไม่กี่ปี การสร้างฐานลูกค้าเป็นกลุ่ม GenZ เอาไว้ก็ถือเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับ Dime! ในอนาคตเช่นกัน

ที่มา : Dime!