ใกล้ถึงฤกษ์งามยามดี… ที่ทั้ง 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรวมตัวกันร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC อย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกโรงเตือนให้แต่ละประเทศควรเร่งมือปลดล็อคมาตรการกีดกันการค้าที่มิใช่ภาษีระหว่างกัน รวมทั้งอำนวยความสะดวกการค้าระหว่างประเทศอื่น ๆ เช่น พัฒนาระบบ ASEAN Single Window เพื่อหนุนนำให้มูลค่าการค้า-การลงทุนในภูมิภาคขยายตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจาก AEC ที่จะทำให้เศรษฐกิจของ 10 ประเทศสมาชิกเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนแล้ว สำหรับธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมาก รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องก็คงหนีไม่พ้น ‘ธุรกิจเครื่องสำอาง’
“เพราะความสวยรอไม่ได้” ด้วยวิถีชีวิตและพฤติกรรมที่หันมาใส่ใจดูแลบุคลิกภาพของหญิงสาวอาเซียน และการเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านคนของกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน ทำให้ธุรกิจนี้เป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งมาแรงที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
ล่าสุด ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) พยากรณ์ว่า “ในอนาคตธุรกิจเครื่องสำอางไทยมีศักยภาพเป็นเจ้าตลาดในอาเซียนได้
เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องสำอางของไทยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 10% ในปี 2558 ธุรกิจนี้มีมูลค่าตลาดในประเทศถึง 2.1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 1.2 แสนล้านบาท และตลาดส่งออกกว่า 90,000 ล้าน”
สอดคล้องกับข้อมูลของสถาบันวิจัยและสำรวจภาวะธุรกิจของญี่ปุ่น Yano research institute ที่ระบุว่า ตลาดเครื่องสำอางของเมืองไทยมีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนอยู่ที่กว่า 30% ตามด้วยอินโดนีเซีย (28%) และฟิลิปปินส์ (20%)
ในขณะที่มูลค่าการส่งออกเครื่องสำอางของไทยไปอาเซียนมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 9.2% ต่อปีโดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกเครื่องสำอางไปอาเซียนเป็นสัดส่วนถึง 44% ของการส่งออกเครื่องสำอางรวมทั้งหมด
จากมูลค่าดังกล่าว TMB Analytics คาดว่า ตลาดเครื่องสำอางอาเซียน ปี 2558 จะมีมูลค่าทั้งสิ้น 6.1 แสนล้านบาท และเป็นกลายเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ทั้งด้านมูลค่าและอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง
นอกจากการสนับสนุนจากภาครัฐและช่องทางจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ปัจจัยด้านความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบสมุนไพรที่หลากหลายและมีคุณภาพ ก็จะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ช่วยจะผลักดันให้ธุรกิจเครื่องสำอางไทยโกอินเตอร์เป็นเจ้าตลาดอาเซียนได้ในไม่ช้า
รู้หรือไม่ ??
2 ใบเบิกทางให้ ‘เครื่องสำอางไทย ครองใจคนอาเซียน’
1. ภาครัฐสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
2. ผู้ประกอบการควรพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานสำคัญ เช่น ASEAN GMP, มาตรฐานฮาลาล, EU Cosmetic Regulation และ Gulf standard