MTL Click ส่งต่อประสบการณ์ดิจิทัลสู่ลูกค้า ผ่านการเชื่อมต่อด้วยระบบนิเวศทางนวัตกรรม

นับตั้งแต่ ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน MTL Click เมื่อปี 2563 ก็มีการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันกลายเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมทุกธุรกรรมและบริการหลังการขายครบจบในแอปเดียว ซึ่งนอกจากจะอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมให้แก่ลูกค้าแล้ว ยังมีหมวดการให้ข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพแก่ผู้ใช้บริการ พร้อมให้สิทธิพิเศษมากมายจนทำให้เป็นแอปฯ ที่มียอดดาวน์โหลดถึง 1,300,000 ดาวน์โหลด

คุณสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจุดเริ่มต้นของ MTL Click คือการที่บริษัทฯ ต้องการให้ลูกค้าและผู้มุ่งหวังที่ต้องการจะซื้อประกันชีวิตกับ MTL สามารถค้นหาข้อมูล และสามารถทำธุรกรรมทั้งหมดได้ในแอปพลิเคชันเดียว โดยมีบริการตั้งแต่ก่อนการขายประกันชีวิต และบริการหลังการขาย

ซึ่งปัจจุบัน MTL Click ถูกพัฒนาเพื่อให้การเข้าถึงบริการได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากเมืองไทยประกันชีวิตได้พัฒนาการเข้าถึงบริการเบื้องต้นให้กับลูกค้าผ่าน MTL Mini Click ในแอปพลิเคชัน LINE BC เพื่อตอบโจทย์กับหลากหลายความต้องการในไลฟ์สไตล์ดิจิทัลให้ทุกการเช็กข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์เป็นเรื่องง่าย

โดยจุดเด่นของบริการอยู่ที่ขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการเช็กข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับกรมธรรม์ ข้อมูลกรมธรรม์  ประวัติการเคลม การเช็กยอดชำระเบี้ยประกันภัย  รวมไปถึงสามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยการสร้าง QR Code เพื่อชำระเบี้ยประกันภัยผ่านโมบายแบงก์กิ้ง หรือสร้าง Barcode เพื่อชำระเบี้ยประกันภัยที่สาขาหรือเคาน์เตอร์ธนาคาร

ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าที่เข้าดูกรมธรรม์และเข้าใช้ MTL Mini Click ผ่าน Line ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีอายุเฉลี่ย 50 ปีขึ้นไปต่างกันกับกลุ่มผู้เข้าใช้ MTL Click ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนอายุ 30-40 ปี จะเห็นได้ว่า การมีบริการในหลากหลายช่องทางสามารถทำให้บริษัทเข้าถึงและมอบบริการให้ลูกค้าในช่วงวัยที่ต่างกัน และมีความถนัดในเครื่องมือดิจิทัลที่ต่างกัน ได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

สำหรับการให้บริการในหมวดกรมธรรม์นั้น ครอบคลุมทั้งข้อมูลกรมธรรม์ การชำระเบี้ยประกันภัย เคลมออนไลน์ ซื้อประกันออนไลน์ พอร์ตการลงทุน

ขณะที่ในหมวดของสุขภาพ ก็มีบริการครบครันให้กับลูกค้าทั้งในประเทศ และที่เดินทางไปต่างประเทศ ทั้งการพบแพทย์ด้วยวิธีโทรเวชกรรม (Telemedicine), MTL Global Connect, Health at Home รวมไปถึงมีข้อมูลและบทความด้านสุขภาพ

นอกจากนี้ยังมีหมวดโปรแกรมสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า (Loyalty program) มากมายทั้งการเปิดให้ลูกค้าสามารถแลกแต้มสำหรับรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ อย่าง เมืองไทยสไมล์คลับ ที่บริษัทฯ มอบให้ลูกค้าผ่านแอป MTL Click ซึ่งมีหมวดของบริการที่หลากหลายตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น สุขภาพ การออกกำลังกาย ไลฟ์สไตล์ ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และอื่น ๆ

ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน MTL Click จะตอบโจทย์ความต้องการให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว แต่ก็ยังคงมีแผนเพื่อที่จะเพิ่มขีดความสามารถของการให้บริการลูกค้าให้สามารถใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ของเมืองไทยได้ด้วยตนเองผ่านแอป MTL Click อย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นการเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จาก Clouds, APIs, Microservices, AI, Chatbot, RPA, รวมถึงพันธมิตรด้านเทคโนโลยี (startup/tech partner)  เพื่อพัฒนาและสร้างผลิตภัณฑ์/บริการที่ตอบความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานทั้งองค์กรเพื่อสร้างความเชื่อมโยงของการบริการต่าง ๆ ให้เข้าถึงลูกค้าและสู่ลูกค้าของบริษัท (MTL Ecosystem of Innovation) เช่น การเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพ และส่งเสริมให้ลูกค้าออกกำลังกาย มีการแสดงผลเพื่อให้ลูกค้าได้รับคะแนน เพื่อแปลงเป็นส่วนลดประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง โดยจะมีการแสดงผลและส่วนลดบนแอปพลิเคชัน MTL Click

ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจประกันดิจิทัล (Digital insurer) เมืองไทยประกันชีวิต ถือว่าเป็นองค์กรที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาโครงสร้างการทำงานภายในให้มีประสิทธิภาพ และยังส่งต่อประสบการณ์ดิจิทัลที่มีคุณค่าออกสู่ลูกค้า ผ่านการเชื่อมต่อโยงใยกันเป็นระบบนิเวศทางนวัตกรรม 

ซึ่งบริการที่ครบครันและสะดวกรวดเร็วนี้เกิดจากการพัฒนาแอปพลิเคชัน MTL Click อย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าหันมาใช้ช่องทางดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ทำให้ MTL Click ประสบความสำเร็จด้านการพัฒนานวัตกรรมเป็นอย่างมาก การันตีได้ด้วยยอดดาวน์โหลดถึง 1,300,000 ดาวน์โหลดในปัจจุบัน และยังมียอดลูกค้าที่เข้าใช้งานสม่ำเสมอ (active user) มากถึง 226,000 คนต่อเดือน ส่วนยอดชำระเบี้ยทั้งหมดผ่าน MTL Click รวมแล้วมากกว่า 4,700,000,000 บาท นอกจากนี้ MTL Click ยังเป็นนวัตกรรมที่ช่วยสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดการใช้งานกระดาษจากการทำธุรกรรมออนไลน์ไปมากกว่า 15,000,000 บาท ในปี 2566