‘ไฮคูล’ นำนวัตกรรม + เข้าใจลูกค้า สร้างฟิล์มกรองแสง Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC

ตลาดฟิล์มกรองแสงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ด้วยในปัจจุบันพาหนะขับเคลื่อนมีมากกว่ารถสันดาป ซึ่งในปี 2566 คาดมูลค่าตลาดฟิล์มกรองแสงจะอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท โดย Hi-Kool ได้ออกผลิตภัณฑ์ฟิล์ม Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ โดยคุณภาพ ความคุ้มค่าจะผลักดันให้ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของกลุ่มฟิล์มเซรามิก

คุณชลิฏา วณิชชากรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด (Hi-Kool) กล่าวว่า ปัจจุบัน Hi-Kool อยู่ในวงการตลาดธุรกิจฟิล์มกรองแสงนานถึง 40 ปี มีตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 2,000 รายทั่วประเทศ ซึ่งจุดแข็งที่ทำให้แบรนด์ถือครองมาร์เก็ตแชร์ตลาดฟิล์มกรองแสงมากกว่า 30% ก็คือ สามารถสั่งผลิตสินค้าได้ตามความต้องการของลูกค้า มีความเข้าใจลูกค้า (Customer Insight) และสามารถออกสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

ล่าสุดผลิตภัณฑ์ Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC ที่ Hi-Kool ได้ผลิตออกมานั้น ได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มระดับไฮเอนด์และกลุ่มพรีเมียมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากฟิล์ม Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC ได้ยกระดับนวัตกรรมฟิล์มกรองแสงขึ้นไปอีกขั้น ด้วย Embedded Nano Technology โดยเป็นการผสานสารระหว่างนาโนเซรามิก สารป้องกันรังสียูวีและรังสีอินฟราเรด กับเนื้อฟิล์ม PET เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้ได้ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติทนทานกว่า อายุการใช้งานยาวนานกว่า และกันความร้อนได้สูงขึ้น และเหนือกว่าด้วยชั้นปกป้อง Premium Metallized Ceramic ซึ่งมีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนได้สูง และลดการอมความร้อน ทำให้ป้องกันความร้อนได้ถึง 70% สูงกว่าฟิล์มทั่วไปในท้องตลาด

ขณะเดียวกันฟิล์ม Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC ยังป้องกันรังสีความร้อนอินฟราเรดได้สูงสุดถึง 99% นอกเหนือจากนั้นยังไม่บล็อกสัญญาณดิจิทัล ไม่กีดกั้นสัญญาณ Easy Pass หรือ GPS ด้วย ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สังคมยุคดิจิทัล

“Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC เหนือกว่าฟิล์มเซรามิกทั่วไปในท้องตลาด เมื่อเปรียบเทียบทั้งในเรื่องของวัสดุ การกันความร้อน กันแสงยูวี และราคาที่คุ้มค่า โดยเราได้แก้ Pain Point ในจุดต่าง ๆ ที่ลูกค้ามีความกังวลมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลิตภัณฑ์นี้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบใช้อุปกรณ์ดิจิทัลอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้ ด้วยไม่บล็อกสัญญาณดิจิทัล” คุณชลิฏา กล่าว

นอกจากสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ที่ใช้รถซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์แล้วนั้น ยังจับตลาดกลุ่มลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้อีกด้วย ซึ่งฟิล์ม Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC มาพร้อมกับคอนเซปต์ ‘Hi-Kool EV Film Digital Friendly for EV Car’ โดยจากผลสำรวจรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ BYD และ Tesla จะเลือกติดฟิล์มรุ่นนี้เป็นจำนวนมาก ถือได้ว่า Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า

หากพูดถึงในเรื่องการทำการตลาดที่ทำให้ฟิล์ม Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC เป็นที่รู้จักในวงกว้างนั้น คุณชลิฏา กล่าวว่า ทาง Hi-Kool มีการโปรโมตผลิตภัณฑ์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยผ่านการทำป้ายโฆษณาบิลบอร์ด โฆษณาผ่านรถโดยสารสาธารณะ ทำ Content Marketing ทุกช่องทางออนไลน์ รวมถึงจ้าง Influencer ที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในเรื่องรถเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ จึงส่งผลให้แบรนด์มีความใกล้ชิดกับลูกค้า ซึ่งช่วยให้แบรนด์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น

“เรามีการทำการประชาสัมพันธ์ค่อนข้างเยอะทั้งสื่อในบ้านและนอกบ้าน แต่ทั้งนี้ฟิล์ม Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC ถือเป็นสินค้าที่ขายได้ในตัวเอง เพราะมีสเป็กที่ตอบโจทย์ฟังก์ชันของลูกค้า ขับขี่สบายตา ทัศนวิสัยมองเห็นชัด ซึ่งภายหลังจากที่ลูกค้าได้ติดตั้งไปแล้วก็เกิดความประทับใจ จึงมีการบอกต่อ ทำให้เกิดเป็นเทรนด์ เป็นกระแสส่งผลให้สินค้าติดตลาด” คุณชลิฏา กล่าว

พัฒนาสินค้าควบคู่ไปกับนวัตกรรม

สำหรับแผนการพัฒนาฟิล์ม Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC ในรุ่นต่อไป คุณชลิฏา กล่าวว่า ตอนนี้ Hi-Kool กำลังพัฒนาคุณสมบัติของฟิล์มให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น ปรับเปลี่ยนรูปแบบของสินค้าให้ดีขึ้น ด้วยความเข้มข้นของสัญญาณดิจิทัลมักผันแปรอยู่สม่ำเสมอ จึงต้องหาจุดสมดุลเพื่อสร้างความบาลานซ์ โดยอาจจะลดการป้องกันรังสีอินฟราเรดลงเหลือ 97% เพื่อให้อีกจุดหนึ่งดีขึ้น แต่ถึงแม้จะลดก็ไม่ส่งผลต่อการป้องกัน เพราะรังสีอินฟราเรดมีค่าพลังงานความร้อนอยู่ประมาณ 53% ของพลังงานความร้อน 100% ซึ่งการพัฒนานี้จะช่วยให้ฟิล์มเป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะช่วยผลักดันให้ฟิล์ม Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของกลุ่มฟิล์มเซรามิกระดับไฮเอนด์ โดย Hi-Kool ได้ตั้งเป้ายอดขายฟิล์มภายในสิ้นปี 2566 แตะระดับ 45 ล้านบาท

การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของ Hi-Kool ที่มีตลอดระยะเวลา 40 ปี ส่งผลให้แบรนด์มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ซึ่งมูลค่าตลาดฟิล์มกรองแสงมีแนวโน้มเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยในปี 2566 คาดจะอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่รถสันดาป แต่มีรถ EV ร่วมด้วยซึ่งคาดจะผลักดันให้ Hi-Kool ถือครองส่วนแบ่งการตลาดฟิล์มกรองแสงมากขึ้น และจากผลิตภัณฑ์ Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC ที่มีคุณภาพเยี่ยม ราคาเหมาะสม ตอบโจทย์ลูกค้าครบครัน ทำให้สามารถคว้ารางวัล Product Of The Year Awards 2023 มาครอบครองได้

 

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ
ติดตาม Business+ ได้ที่ Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS