เพราะสังคมที่คนเลือกอยู่ลำพังมากขึ้น Pet-Tech เทรนธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่ทั่วโลกพร้อมจ่าย ผลกำไรรายใหญ่เป็นบวก คาดปี 2021 ไทยติด Top 3 ส่งออกอาหารสัตว์

ตลอดช่วงเกิดวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมา เราจะได้เห็นรายงานอัตราเลี้ยงสัตว์ทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้น และแน่นอนว่า Pet-Tech คือหนึ่งในธุรกิจที่มองข้ามไปไม่ได้แล้ว

.

Pet-Tech คืออะไร?

Pet-Tech คือ อุตสาหกรรมผลิตสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่นำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น  IoT, AI หรือ Big data (เช่น อาหารสัตว์ การพบสัตวแพทย์ทางไกล ระบบรับอุปการะสัตว์ หรืออุปกรณ์เพิ่มความสะดวกต่างๆ )

.

น่าสนใจอย่างไร?

Global Market Insights รายงานว่า ปี 2020 ตลาด Pet-Tech ทั่วโลก มีมูลค่ามากกว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มไปแตะที่ 20,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2027 (โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 22% ต่อปี)

.

นอกจากยังมีปัจจัยพฤิตกรรมของคน ทั้งประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น ประชากรกลุ่ม  DINK (Double Income And No Kids หรือ รายได้สูง และไม่มีลูก) เพิ่มสูงขึ้น รวมถึง เยาวชนหรือวัยทำงานออกมาอยู่อาศัยตามลำพังมากขึ้น และเลือกที่จะมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง 

.

ที่สำคัญสังคมส่วนใหญ่เห็นคุณค่าของ Pet-humanization หรือมองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวนั่นเอง การดูแลและเอาใจใส่ เลือกสินค้าและบริการที่ดีที่สุด จึงเป็นที่มาการแข่งขันธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่เติบโตรวดเร็ว และน่าสนใจมากทีเดียว

.

สหรัฐอเมริกา

สหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในตลาดสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ของโลก ปีที่ผ่านมามีอัตราการเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งนำไปสู่การใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นเช่นกัน

.

ปี 2020 สหรัฐมีอัตราการรับเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นมากกว่า 110% 

และในรูปแบบอุปการะเพิ่มขึ้นถึง 197% (YoY)

.

โดยค่าใช้จ่ายที่ชาวอเมริกันพร้อมทุ่มให้เพื่อนรักต่างสายพันธุ์ รวมมูลค่ากว่า 103.6 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท

1.) อาหารสัตว์เลี้ยง 

——- 42.0 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ

2.) การรักษาพยาบาลและบริการสัตว์เลี้ยง 

——- 31.4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ

3.) ของใช้และยา 

——- 22.1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ 

4.) อื่นๆ (เช่น การฝึก การเสริมสวย ประกันสุขภาพ และ สถานที่ฝากเลี้ยง)

——-  8.1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ

.

และคาดว่า ปี 2021 นี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นราว 109.6 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ

.

ซึ่งสหรัฐฯ ก็มีแบรนด์ที่ทำ Pet-Tech ได้น่าสนใจอย่าง Petcube 

ผู้จำหน่ายกล้องวงจรปิดอัจฉริยะสำหรับสุนัข ความพิเศษคือเป็นกล้องวงจรปิดมุมมอง กว้าง 160 องศา ส่งข้อความแจ้งเตือนเมื่อสุนัขส่งเสียงเห่าผิดปกติ เจ้าของสามารถเปิดไมค์สื่อสาร และกดให้ขนมผ่านมือถือ อีกทั้งยังสามารถปรึกษาสัตวแพทย์ผ่านแอพพลิเคชั่นของแบรนด์ได้ตลอด 24 ชม. อีกด้วย (ราคาอยู่ที่ 199 ดอลลาร์สหรัฐ .หรือราว 6,453 บาท)

.

ออสเตรเลีย

ออสเตรเลียเองก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอัตราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากที่สุด (เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ในปี 2019) 

.

โดยหนึ่งในแบรนด์ที่ออกสินค้าสุดล้ำ  GO Smart Pet Leash สายจูงสุนัขที่นำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยดูแลสุขภาพสุนัข และสร้างความสะดวกให้เจ้าของ

.

ความพิเศษของสายจูงอัจฉริยะ คือ สามารถเก็บบันทึกข้อมูลระยะทางการเดินของสุนัข และรวมถึงข้อมูลของเพื่อนๆ แก๊งชาวสี่ขา อีกทั้งยังมีบลูทูธ แจ้งเตือนเจ้าของด้วยระบบสั่นที่จับสายจูงเมื่อมีคนโทรเข้ามา พร้อมไฟ LED เมื่อต้องออกไปเดินในพื้นที่แสงน้อย (ราคาอยู่ที่ 119.95 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 3,890 บาท)

.

ทีนี้ข้ามมาดูฝั่งเอเชียกันบ้าง

.

เกาหลี

เกาหลี อีกหนึ่งประเทศที่ผู้บริโภคมีอัตราการใช้งาน Pet-Tech เติบโตมากขึ้น 

โดยปัจจุบันเกาหลีมีอัตราใช้ผลิตภัณฑ์ Pet-tech แบ่งเป็น

.

เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ

——-  39.4%

เครื่องตรวจสอบ 

——-  30.3%

ของเล่นอัตโนมัติ 

——-  26.1%

เครื่องตรวจสุขภาพและอุปกรณ์ออกกำลังกาย 

——-  19.1%

GPS 

——-  16.3%

.

มีธุรกิจ Pet-Tech ที่ไม่ธรรมดาอย่าง FitPet Ahead 

เพราะสุนัขพูดไม่ได้เมื่อรู้สึกป่วย ชุดตรวจปัสสาวะสำหรับสัตว์เลี้ยง จึงเป็นตัวช่วยวิเคราะห์อาการของโรคในเบื้องต้น โดยเจ้าของจะใช้แผ่นวัดเฉดสีปัสสาวะสัตว์เลี้ยง และวิเคราะห์อาการผ่านแอพพลิเคชั่นได้ง่ายๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ

.

ไทย

สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรม Pet-Tech ก็เติบโตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดดเด่นในด้าน ‘อาหารสัตว์เลี้ยง’ ที่มีปริมาณการส่งออกมากเป็นอันดับ 4 ของโลกในปี 2020 มีมูลค่าส่งออกอาหารสัตว์มากถึง 4.47หมื่นล้านบาท (จำนวน 5.35 แสนตัน) เพิ่มขึ้น 22.21% (YoY) 

.

ซึ่งคาดว่าปีนี้จะไต่อันดับขึ้นเป็น Top 3 ของโลกได้แน่นอน ด้วยปัจจัยที่ทั่วโลกมีสัตว์เลี้ยงมากขึ้น และความต้องการอาหารสัตว์ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ไทยส่งออกไปแล้วกว่า 2.4 แสนตัน คิดเป็นมูลค่า 1.67 หมื่นล้านบาท

.

โดยประเทศที่ไทยส่งออกอาหารสัตว์มากที่สุด คือ สหรัฐฯ 23.6% ญี่ปุ่น 16.2% และอาเซียน 14.5% ตามลำดับ (ตามข้อมูลจาก EIC)

.

ที่นี่เรามาส่องกันหน่อยว่าบริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ในไทย ปีที่ 2020 ที่ผ่านมา ผลประกอบการเป็นอย่างไรบ้าง

.

บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด 

(เจ้าของแบรนด์ Smart Heart, Me-O, LUVCare, APro)

รายได้รวม 11,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.97% (YoY)

กำไรสุทธิ์ 596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.48% (YoY)

.

บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด

(เจ้าของแบรนด์ Pedigree, whikas, Cesar, Sheba, IAM)

รายได้รวม 7,705 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.82% (YoY)

กำไรสุทธิ์ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.74% (YoY)

.

บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) จำกัด 

(ROYAL CANIN)

รายได้รวม 1,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.89% (YoY)

กำไรสุทธิ์ 250 ล้านบาท ลดลง 22.2% (YoY)

.

บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท ฟู้ด จำกัด

(JERHIGH, Jinny, K-Sy)

รายได้รวม 1,124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.52% (YoY)

กำไรสุทธิ์ 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.05% (YoY)

.

เรียกได้ว่าส่วนใหญ่มีผลงานผลประกอบการที่เติบโตสวยงามมากทีเดียว แม้บางรายจะมียอดกำไรลดลงไปบ้าง แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร

.

ซึ่งต่อไปอานิสงค์ที่จะมาแรงภายใต้อุตสาหกรรม Pet-Tech นี้ ก็คงหนีไปพ้นธุรกิจสัตวแพทย์

.

โดยผลประกอบการโรงพยาบาลสัตว์ ปี 2020 มีดังนี้

.

บริษัท โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จำกัด

รายได้รวม 812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.05% (YoY)

กำไรสุทธิ์ 84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.23% (YoY)

.

บริษัท โรงพยาบาลสัตว์ พญาไท ๗ จำกัด

รายได้รวม 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.46% (YoY)

กำไรสุทธิ์ 1.08 ล้านบาท ลดลง 4.56% (YoY)

.

.

จะเห็นได้อุตสาหกรรม Pet-Tech ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยิ่งเป็นตัวสนับสนุนให้ผลงานปี 2021 นี้ ให้เป็นอีกปีที่ผลประกอบการโดดเด่นอีกครั้ง และถือเป็นโอกาสการเข้าลงทุนในตลาด Pet-Tech สำหรับผู้ที่มองหาการลงทุนธุรกิจในอนาคต

 

เขียนและเรียบเรียง : ธนัญญา มุ่งสันติ
.
ข้อมูล : ข้อมูล : datawarehouse / corpusxweb / ditp
.
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS
.
.
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #เทรนธุรกิจ #PetTech