เคล็ดลับ ลงทุนช่วงเงินเฟ้อ ของปู่บัฟเฟตต์ ธุรกิจที่ดีที่สุด คือ ซื้อแล้วคุณไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม

ต้องบอกว่านาทีนี้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเหมือนไฟลามทุ่ง ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจ ซึ่งรับแรงกดดันมาจากมาตรการล็อกดาวน์อีกต่อหนึ่ง ซึ่งหลายฝ่ายอ้างว่าโรคระบาดรุนแรงจนไม่อาจไม่ควบคุมมันด้วยวิธีนี้ และเมื่อเดินด้วยวิธีนี้คนเจ็บตัวหนักกว่าใคร ๆ ก็เป็นรายย่อยคนตัวเล็ก ๆ เพราะไม่อาจจะทำมาหากินได้เหมือนเคย และนั้นก็นำมาซึ่งมาตรการทางเศรษฐกิจชนิดที่เรียก “บาซูก้าแพ็คเกจ”

ไอเจ้า “บาซูก้าแพ็คเกจ” ที่ว่านี้คือแจกเงินแบบจัดหนักจัดเต็ม แม้ส่วนมากจะแจกแล้วไม่ค่อยได้ประโยชน์กันสักเท่าไรก็ตาม แต่ถ้าไม่แจกระบบเศรษฐกิจก็ล่มสลายอีก ก็เลยต้องแจกเพื่อประคองระบบเอาไว้ ปัญหาคือเมื่อคุณแจกเงินแบบให้เปล่าและไม่นำไปสู่การเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าต่อประเทศในระยะยาว มันก็ไม่มีการเติบโตในแง่รายได้ของประเทศสักเท่าไรนัก แต่สิ่งที่แถมมากับการแจกเงินแน่ ๆ แบบเลี่ยงไม่ได้คือ เงินเฟ้อ แบบอัตรเร่งนั้นเอง

แต่วันนี้เราจะไม่ได้มากคุยถึงผลกระทบของมันอีกแล้ว เพราะคุยกันมาเยอะละ แต่วันนี้จะเอาคำสอนหรือเรียกว่าความเห็นก็ได้ของคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตำนานหนักงทุนชื่อดังมาให้ได้ศึกษากันอีกสักครั้งเพื่อเตรียมความรู้สำหรับการเจอกับเงินเฟ้อ และเพื่อให้เราลงทุนในสภาวะแบบนี้ได้อย่างชาญฉลาด

ณ วันนี้ จากรถยนต์ไปถึงแก๊ส และลามไปจนถึงร้านขายของชำ เงินเฟ้อ ในทุกประทศที่เพิ่มขึ้นจะไปผลักให้ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคในสหรัฐปรับตัวขึ้น โดยตัวเลข CPI (The consumer price index) ตัวเลขที่ใช้วัดราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคของสหรัฐกระโดดขึ้นมาถึง 5.4% ในเดือนล่าสุด (กรกฎาคม 2021) ซึ่งเป็นตัวเลขที่กระโดดครั้งใหญ่นับแต่ปี 2008 เลยทีเดียว และเป็นการปรับขึ้น 8 เดือนติดต่อกันตั้งแต่ธันวาคมปีก่อน

แม้จะมีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งพร้อมด้วยนักการเงินอีกบางส่วนเชื่อว่าเรื่องของเงินเฟ้อไม่น่ากังวล เพราะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในมุมของการลงทุนทาง CEO ของบริษัท เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ อย่างคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ มองว่าจะมีธุรกิจบางตัวที่เป็นไปได้ว่าจะสามรถประสบความสำเร็จได้ดีกว่าธุรกิจอื่น ๆ ในช่วงเวลานี้

โดยในปี 2015 ในงานประชุมประจำปีของบริษัททางคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ถูกขอร้องให้เปิดเผยมุมมองว่าในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อพุ่ง บริษัทแบบไหนที่เขามองว่าจะสามารถทำผลการดำเนินงานได้ดี “บริษัทที่ควรเข้าไปลงทุนในช่วงเวลาแบบนี้ ผลคิดว่ามันจะต้องไม่ถูกเรียกร้องให้ลงทุนซ้ำ ๆ เพราะมันกลายเป็นอะไรที่แพงมาก ๆ ขณะที่มูลค่าของดอลลาร์สหรัฐลดลงอย่างต่อเนื่อง”

“ธุรกิจที่ดีที่สุดในช่วงเงินเฟ้อพุ่งคือ ธุรกิจที่คุณซื้อแล้วคุณไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก” คุณปู่วอร์เรน เพิ่มเติมอีกว่า ทุกธุรกิจที่ต้องมีการลงทุนอย่างหนักหน่วงมีแนวโน้มที่จะมีผลการดำเนินงานที่แย่ในช่วงเวลาเกิดเงินเฟ้อขึ้น ธุรกิจอย่างสาธารณูปโภคและรถไฟจะกินเงินจำนวนมากและไม่สามารถทำกำไรได้ เขาบอกว่าเขาชอบมากกว่าที่จะเป็นเจ้าของบริษัทซึ่งผู้คนนั้นมีการเชื่อมต่อ พร้อมกันนั้นคุณปู่ได้ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ได้ทำได้ดีในช่วงเงินเฟ้อซึ่งตัวเขาเคยเป็นเจ้าของอย่าง See’s Candy ก็สามารถทำได้เยี่ยมในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

แน่นอนว่านักลงทุนทั่วไปไม่สามารถซื้อได้ทุกบริษัท แต่พวกเขาสามารถซื้อหุ้นบริษัทซึ่งพวกเขาชอบ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลามหัศจรรย์นี้ โดยในปี 2009 คุณปู่เคยบอกว่าไม่สำคัญเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐ เพราะผลิตภัณฑ์ของธุรกิจก็ยังคงมีความต้องการอยู่ดี

โดยการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงเวลาที่เกิดเงินเฟ้อ เพราะมันเป็นการจ่ายเพียงครั้งเดียวสำหรับนักลงทุน แถมยังมีประโยชน์เมื่อคุณสามารถขายต่อได้อีกด้วย ถ้าคุณเข้าใจบางสิ่งซึ่งมีประโยชน์ต่อคนอื่น มันมีแนวโน้มที่ราคาจะถูกแทนที่ด้วยมูลค่าผ่านวันเวลา คุณจะเข้าใจเมื่อเงินเฟ้อเริ่มทำงาน

ขณะที่คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ย้ำว่าสำหรับนักลงทุนหลายคนการลงทุนผ่านการเลือกหุ้นด้วยตัวเองอาจจะไม่ใช่คำตอบ พวกเขาควรเลือกที่จะเอาเงินไปลงในกองทุนดันชีมากกว่าอย่าง Index Funds ซึ่งมีต้นทุนที่ถูกกว่าและมีการกระจายความเสี่ยงอยู่ในตัว ตัวอย่างเช่น กองดัชนี The S&P 500 ถ้าคุณซื้อคุณก็จะเป็นเจ้าของหุ้นอย่าง Apple, Coca-Cola และ Google ไปโดยทันที โดยเฉพาะคนที่กำลังสร้างเงินก้อนหนึ่งสำหรับการเกษียณอายุควร “ซื้อมันไม่ว่าเวลานั้นจะสุขหรือทุกข์ โดยเฉพาะตอนที่ทุกข์”

เขียนและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ที่มา : CNBC

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHC

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ลงทุนช่วงเงินเฟ้อ #ปู่บัฟเฟตต์ #investment #เงินเฟ้อ