เกมใหม่ “สยามนุวัตร” สร้างจุดต่างด้วย Facility+Technology

เกมใหม่ “สยามนุวัตร” สร้างจุดต่างด้วย Facility+Technology

ในขณะที่ Big Developer เดินหน้ารุก Transformation องค์กรให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไป Developer ขนาดกลางอย่าง “สยามนุวัตร” ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมทั้งหาสูตรใหม่ที่จะเข้าถึงใจกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาปรับใช้ในโครงการอย่างเข้มขึ้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกบ้านยุคใหม่

สยามนุวัตร

โลกอสังหาฯ ถึงจุดเปลี่ยน !! หมดยุคขายบ้านและทำเลแล้ว

แม้จะสยายปีกสู่ตลาด คอนโดมิเนียมได้เพียง 11 ปี ซึ่งความเก๋าอาจเทียบกับบรรดาบิ๊กเพลย์เยอร์ที่อยู่ในตลาดมานานไม่ได้ แต่หากดูผลงานแล้ว ต้องยอมรับว่าฝีมือนั้นไม่ธรรมดาทีเดียว และวันนี้หากนึกถึงแบรนด์ คอนโดมิเนียมระดับบนที่ปักหมุดบนทำเลมิดทาวน์ ย่อมมีชื่อขอ “สยามนุวัตร” ติดโผอยู่ในใจของผู้บริโภคอย่างแน่นอน

สำหรับ Key Factor ที่ทำให้สยามนุวัตรประสบความสำเร็จ และครองใจกลุ่มลูกค้าระดับบนได้อย่างรวดเร็วนั้น “ธารธร อักษรานุวัตร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามนุวัตร จำกัด อธิบายว่า เกิดจาก 3 ปัจจัย คือ 1. บิซิเนสโมเดลของบริษัท ที่มุ่งโฟกัสการพัฒนา คอนโดมิเนียมใจกลางเมือง หรือมิดทาวน์เป็นหลักมาตั้งแต่แรกเริ่มจวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะมีระยะรัศมีห่างจากรถไฟฟ้าไม่เกิน 1 กิโลเมตร 2. การเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อเป็นหลัก และ 3. พลังของ Word of Mouth หรือบอกต่อปากต่อปาก ซึ่งปัจจุบันถือเป็นกลยุทธ์ที่สร้างสำเร็จให้กับสยามนุวัตรอย่างมาก เห็นได้จากตัวเลขของลูกค้าที่เข้ามาจับจองโครงการ 70% มาจากการบอกต่อ

สยามนุวัตร

แม้ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา สยามนุวัตรจะประสบความสำเร็จในตลาด คอนโดมิเนียมระดับบนเป็นอย่างดี แต่ธารธร ยอมรับว่า วันนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนโดยเฉพาะในย่านมิดทาวน์ มีการแข่งขันรุนแรงโดยเฉพาะในครึ่งปีหลังของปีนี้จะเห็นภาพการต่อสู้กันเต็มที่ อีกทั้งต้องเผชิญกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลที่ไม่หยุดนิ่ง และพฤติกรรมลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

“เดิมทีปัจจัยการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมของลูกค้ากลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับโลเคชั่น และสินค้าตอบโจทย์ความต้องการเป็นหลัก แต่ปัจจุบันไลฟ์สไตล์ลูกค้าเปลี่ยนไปมาก ต้องการทั้งความทันสมัยและสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จากนี้ไปจะเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม แค่การออกแบบบ้านและมีทำเลที่ดีอาจไม่พอ แต่จะต้องมี Facility และเทคโนโลยีเข้าเสริมทัพมากขึ้น”

ธารธร ย้ำถึงความท้าทายของบรรดานักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในยุคต่อจากนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นให้สยามนุวัตรต้องปรับเกมรบใหม่ เพราะแน่นอนว่าจะใช้สูตรสำเร็จของธุรกิจในวันวานคงไม่ได้ !!

สยามนุวัตร

เสริมทัพด้วยเทคโนโลยี ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคใหม่

สำหรับสูตรใหม่ที่ว่าก็คือ การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดในธุรกิจอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้มากขึ้น

สยามนุวัตรจึงเริ่มต้นพัฒนาแอพพลิเคชันมาใช้ในโครงการ WISH SIGNATURE II MIDTOWN SIAM เป็นครั้งแรก เพื่อที่จะตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไปในรูปแบบใหม่ยิ่งขึ้น โดยในเบื้องต้นแอพพลิเคชันดังกล่าว จะมาพร้อมฟังก์ชันในการจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สำหรับออกกำลังกาย การจองห้องดูหนังมินิเธียเตอร์ และห้อง Co-Working Space

แต่ในอนาคตสยามนุวัตรจะต่อยอดนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาสู่การให้บริการต่าง ๆ มากขึ้น อาทิ การนำ Internet Of Things (IoT) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้อุปกรณ์ทุกอย่างในบ้านเชื่อมต่อถึงกันได้ เช่น การเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าในห้องพักผ่านสมาร์ตโฟน เป็นต้น

สยามนุวัตร

นอกจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในธุรกิจมากขึ้นแล้ว ทิศทางของสยามนุวัตรต่อจากนี้ ยังจะเพิ่ม Facility ใหม่ ๆ ให้กับผู้อยู่อาศัยในโครงการมากขึ้น พร้อมทั้งจะลุยพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบมิกซ์ยูส (Mixed-Use) เพิ่มขึ้นด้วย โดยจะประกอบด้วย คอนโดมิเนียม โรงแรมระดับ 3-4 ดาว และคอมมูนิตี้มอลล์ โดยคาดว่าจะเปิดตัวโครงการในไตรมาส 2 ปี 2561 ซึ่งแนวทางการหันมารุกตลาดมิกซ์ยูสมากขึ้นนั้น ก็เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ที่ดินคุ้มค่าเต็มศักยภาพ ขณะเดียวกันยังเป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างรายได้ให้กับบริษัทมากขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ สยามนุวัตรมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งมาจากโครงการคอนโดมิเนียม Vertiq ที่จะรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด และในปี 2561 คาดว่ารายได้จะแตะ 1,000 ล้านบาท โดยรายได้หลัก ๆ จะมาจากโครงการ WISH SIGNATURE MIDTOWN SIAM จะรับรู้รายได้ 2,000-3,000 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท

สยามนุวัตร