จุดยืนใหม่ “พฤกษา” จาก Real Estate สู่ Investment Company

ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา “พฤกษา” นับเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในแง่แบรนด์และยอดขายจาก Developer ขนาดเล็กขึ้นเป็นบริษัทมหาชน และผงาดสู่ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทยต่อเนื่องมายาวนานจนถึงปัจจุบัน

แต่ในวันที่โลกอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนแปลงทุกอณู และไม่ได้หอมหวานดังอดีตที่ผ่านมา ทำให้ผู้นำตลาดอย่าง “พฤกษา” ไม่อาจนิ่งเฉยได้และต้องมีการปรับทัพครั้งใหญ่สู่การเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี เพื่อจะนำพาองค์กรก้าวข้ามพายุใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไปให้ได้

Business+ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์และร่วมงานกับพฤกษามายาวนาน ถึงเบื้องหลังความสำเร็จของ “พฤกษา” และจังหวะก้าวนับจากนี้ที่ต้องปรับตัวให้เร็ว เพื่อให้พฤกษายังคงเติบโตและครองความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงและท้าทายมากมาย

จพฤกษาเรียลเอสเตท

2 ทศวรรษบนความสำเร็จ

คงไม่ผิดหากจะบอกว่า ด้วยชั้นเชิงและสไตล์การบริหารธุรกิจของ “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” ซีอีโอแห่งค่ายพฤกษาที่ไม่เหมือนใคร ทำให้พฤกษาสามารถก้าวกระโดดจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ขึ้นมาเป็นBig Developer และกลายเป็นผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างสวยงาม ทั้งยังมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ทีเดียว

กุญแจความสำเร็จที่ทำให้พฤกษาเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ประเสริฐ อธิบายว่า นอกจากวิถีคิดซีอีโอที่แตกต่างแล้ว สิ่งสำคัญยังมาจากความยึดหยุ่นของโครงสร้างธุรกิจ ที่มีการพัฒนาทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมีเนียม รวมถึงครอบคลุมทุกทำเลทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทำให้เมื่อพอร์ตใหญ่มีปัญหา ยังมี S-Curve ตัวใหม่มาช่วย ส่งผลให้ธุรกิจสามารถ Gain Growth อยู่ได้

แม้พฤกษาจะประสบความสำเร็จในตลาดมาโดยตลอด แต่ประเสิรฐยอมรับว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่าย เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงมหาศาล ทั้งในด้านโครงสร้างอุตสาหกรรม ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก หนี้ครัวเรือนสูง รวมถึงการแข่งขันของธุรกิจที่รุนแรงจากการเข้ามากลุ่มทุนรายใหม่ และพฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมวันนี้เร็วมาก โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2559 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเรียกว่าเป็นพายุใหญ่แห่งการเปลี่ยนแปลงของวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก เพราะกว่า 28 ปีที่ทำธุรกิจนี้ ผมไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงมากเท่านี้มาก่อน เราต้องปรับตัวให้ทัน ถ้าไม่ปรับ ไม่ได้ขึ้นรถไฟแน่”

จพฤกษาเรียลเอสเตท

เปิดเกมรุกตลาดบ้านไฮเอนด์

ประเสริฐ ย้ำถึงความท้าทายในตลาดอสังหาริมทรัพย์วันนี้ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้พฤกษาต้องปรับทัพครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปีทีเดียว แม้ปัจจุบันจะเป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมก็ตาม แต่ถ้าไม่ปรับก็สามารถเป๋และอยู่ไม่ได้เช่นกัน !! โดยเกมใหม่ของพฤกษาต่อจากนี้ จะเริ่มบุกเข้ามาทำตลาดพรีเมียมมากขึ้น หลังจากเป็นผู้นำในตลาดระดับกลางล่างมายาวนาน

“การรุกตลาดพรีเมียมเป็นหนึ่งในแนวทางปรับตัวเพื่อให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ โดยในช่วง 12 ปีแรกบริษัทเป็นผู้พัฒนาบ้านราคาประหยัด ยุคที่สองบริษัทเน้นเพิ่มฐานลูกค้าตลาดกลางเข้ามา ตอนนี้เป็นการเริ่มต้นยุคที่สามคือการเพิ่มตลาดบน เพื่อทำให้เรามีความยืดหยุ่นในการทำตลาดทุกเซ็กเมนต์ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร อีกทั้งตลาดพรีเมียมมีแนวโน้มเติบโตขึ้น เพราะราคาที่ดินสูงขึ้น ขณะเดียวกันกรอสมาร์จิ้นก็ทำได้มากกว่าตลาดกลางล่าง”

ประเสริฐ ยอมรับว่า ตลาดกลุ่มพรีเมียมเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก แต่การจะขยับตัวเองเข้าไปชิงส่วนแบ่งในตลาดพรีเมียมซึ่งมีบิ๊กแบรนด์ที่แข็งแกร่งครองตลาดอยู่แล้ว ต้องมีการบ้านอีกมาก โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของพฤกษาที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาบ้านราคาประหยัด ในกลุ่มตลาดกลาง-ล่างที่เคยเป็นจุดแข็งมาโดยตลอด

“เรารุกตลาดพรีเมียมมาประมาณ 5 ปี แต่ไม่ได้จริงจัง แต่วันนี้เราพยายามเข้าตลาดนี้ให้เร็วทั้งคอนโดมีเนียมและบ้านเดี่ยว เพราะถ้าพฤกษาไม่เข้าตลาดนี้ เราจะไม่สามารถคงความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยได้ เพราะ 1 ใน 3 ของตลาดรวมเป็นตลาดพรีเมียม ซึ่งถ้าตลาดโตไปกว่านี้ และเราไม่มีเค้กส่วนนี้เลย เราจะขาดโอกาสเติบโตต่อเนื่อง”

กลยุทธ์ที่จะใช้เป็นหัวหอกในการสลัดภาพครั้งนี้ก็คือ การสร้างความต่างให้กับสินค้าด้วยการจับมือกับผู้ออกแบบระดับเวิลด์คลาส นำเทคโนโลยีมาใช้ในการก่อสร้างบ้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและเกิด Customer Engagement ทั้งยังมุ่งพัฒนาโครงการขนาดไม่ใหญ่ประมาณ 100-200 ยูนิตต่อโครงการ เพื่อความปลอดภัยในการลงทุน ซึ่งจากการเปิดตัวโครงการ The Reserve ทองหล่อเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สามารถปิดการขายได้รวดเร็วใน 2 สัปดาห์

ซึ่งประเสริฐเชื่อว่า จากยุทธวิธีดังกล่าว ใน 3 ปีจากนี้จะทำให้พฤกษามีสัดส่วนรายได้ในตลาดพรีเมียมเพิ่มเป็น 20-30% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 5-10% และมีส่วนแบ่งในตลาดคอนโดมีเนียมพรีเมียมจาก 7% เป็น 10-15% ซึ่งจะทำให้พฤกษาสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยไว้ได้ต่อเนื่อง

จพฤกษาเรียลเอสเตท

ภาพใหม่พฤกษา ต่อยอดสู่โฮลดิ้ง คอมพานี

นอกจากการรุกตลาดพรีเมียมแล้ว พฤกษายังได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่สู่การเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี ในชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) โดยการปรับทัพใหม่ในครั้งนี้ เพื่อที่จะเพิ่มความหลากหลายในการทำธุรกิจ นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายดังอดีตที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการกระจายความเสี่ยง แต่ยังทำให้พฤกษาสามารถเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย

สำหรับธุรกิจแรกที่พฤกษาตัดสินใจลงทุนก็คือ ธุรกิจโรงพยาบาล ในชื่อ “วิมุตติ” เพราะมองว่าตลาดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมีขนาดใหญ่ แต่ละปีมีมูลค่าตลาดสูงถึงราวกว่า 600,000 ล้านบาท โดยเลือกทำเลที่อยู่บนถนนสายหลักใจกลางเมือง (CBD) ใกล้ชุมชน เพราะจากการศึกษาพบว่า ทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวก เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ลูกค้าจะเลือกใช้บริการ พร้อมทั้งวางโพสิชันนิ่งเป็นโรงพยาบาลระดับกลางเพื่อรองรับคนไข้ที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังมีช่องว่างการทำตลาดอีกมาก โดยโรงพยาบาลแห่งนี้จะการลงทุนใหม่ทั้งระบบตั้งแต่ออกแบบจนถึงก่อสร้างแล้วเสร็จ

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปรับทัพของพฤกษาเพื่อความอยู่รอด และสร้างการเติบโตให้กับองค์กรในระยะยาวต่อไป แต่การปรับทัพในครั้งนี้ย่อมทำให้ภาพของพฤกษาเปลี่ยนไป !! จากเดิมที่เคยเป็น Real Estate Company ก้าวสู่ Investment Company ซึ่งจากนี้ไป คู่แข่งของพฤกษาก็จะหลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน !!