สหรัฐ ส่งสาส์นท้ารบ!! จีน ไบเดน ลงนามคำสั่งพิเศษผลักดัน รถยนต์ไฟฟ้า

การแข่งระหว่างสหรัฐและจีนนาทีนี้มีแต่จะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดทางประธานาธิบดีของสหรัฐนายโจ ไบเดน ได้ผ่านกฎหมายสำคัญในเรื่องของรถยนต์ที่ไม่ปล่อยพลังงานที่เป็นมลพิษออกมา (Zero-Emission Vehicles) พร้อมตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2030 ครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมรถยนต์ในประเทศจะต้องเป็นรถยนต์ในกลุ่มนี้ และนี่เท่ากับเป็นการกระโดดเข้าแข่งขันบนเส้นทางที่เจ้าตลาดโลกอย่างจีนครองอยู่เต็มตัว

“คำถามคือไม่ว่าพวกเราจะนำหรือตามหลังสำหรับการแข่งขันในอนาคต พวกเราก็จะสร้างทั้งรถยนต์และแบตเตอรี่ เพื่อจะนำพวกมันกลับมาอยู่ในที่แห่งนี้ นั้นก็คือ สหรัฐอเมริกา” นี่คือคำพูดของนายโจ ไบเดน ก่อนลงนามคำสั่งสำคัญของประเทศ ซึ่งเขายังเน้นเพิ่มเติมอีกว่า ตอนนี้จีนถือเป็นผู้นำในเรื่องการผลิตแบตเตอรี่ของโลก พร้อมสำดส่วนการผลิตมากถึง 80% ของโลก แม้ว่าเทคโนโลยีจำนวนมากจะถูกพัฒนาจากในสหรัฐก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะเรียกคืนความเป็นผู้นำเพื่อนำอีกครั้ง “พวกเราต้องเดินหน้า และเดินหน้าให้ไว”

50% ถือเป็นเป้าหมายที่ห่างไกลมากจาก 1.8% ที่สหรัฐทำได้อยู่ในปัจจุบัน แต่ยอดขายในกลุ่มนี้ก็มีการเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้นสามเท่าจากปีก่อนในช่วงระหว่างเมษายน ถึง มิถุนายน ยอดขายคิดเป็น 118,000 ยูนิต ซึ่งคิดเป็น 2.7% ของตลาดรวมทั้งหมด ส่วนทางด้านจีนปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 40% ทั่วโลก พร้อมยอดขาย 1.29 ล้านคัน คิดเป็นราว ๆ 6% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดในปี 2020

โดยทางองค์การพลังงานระหว่างประเทศ หรือ IEA ประเมินว่าจะได้เห็นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นผู้นำโลกในปี 2030 ที่ 9.61 ล้านคัน แม้ว่าคำสั่งตัวนี้จะไม่มีผลผูกมัดและจะยังต้องมีการลงทุนหลักมาจากฝากรัฐบาลเพื่อเปลี่ยนสถานีชาร์จอีกจำนวนมากหากต้องการบรรลุเป้าหมายนี้ แต่ทางนายโจ ไบเดน ก็ย้ำว่านี่คือการติดตั้งความเคลื่อนไหวและความพยายามทั้งหมดในการปิดช่องว่างกับชาติต่าง ๆ ในโลกนี้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนรถยนต์ของพวกเขาและสร้างอาชีพใหม่ ๆ ขึ้นมา

โดยร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ในสภาคองเกรซนั้นยังรวมงบประมาณเกี่ยวกับการสร้างสถานีชาร์จ 500,000 แห่ง และเงินสนับสนุนการพัฒนาแบตเตอรี่และโรงงานผลิตด้วย

อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าใหญ่แค่ไหน

รถยนต์ไฟฟ้าถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกเมื่อช่วงศตวรรษที่ 19 โดยนาย Robert Anderson ซึ่งเป็นชาวสก็อตแลนด์ ซึ่งเขาได้ปล่อยต้นแบบครั้งแรกซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่แบตเตอรี่ไม่สามารถใช้ซ้ำได้ในขณะนั้นออกมา และนั้นถือเป็นต้นกำเนิดครั้งแรกบนโลกของมัน (ขณะที่รถยนต์ไฮบริดผู้คิดค้นเป็นครั้งแรกคือนาย Ferdinand Porsche)

จากการประเมินของทาง Bloomberg พบว่าตัวเลขตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2019 มีมูลค่าอยู่ที่ 162,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าในปี 2027 ตลาดนี้จะขยายตัวขึ้นไปแตะระดับ 802,810 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเชื่อว่าในปี 2030 จะมีการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับปี 2020 ถึง 10 เท่า พร้อมแหล่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสองแหล่งสำคัญของโลกจะมาจาก จีน 43.8% และยุโรป 29.2%

โดยยอดขายทั่วโลกในปี 2019 อยู่ที่ 2.17 ล้านคัน (Plug-in electric light vehicle : PEV) พร้อมคาดว่าตัวเลขของ 2020 ตอนนี้ยอดขายทั่วโลกน่าจะมากกว่า 3.1 ล้านคัน ซึ่งในครึ่งแรกของปี 2020 ผู้นำ 3 อันดับแรกในแง่ของยอดขายรถยนต์ใหม่กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าประกอบไปด้วย โดยการเติบโตในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่ม PEV ในยุโรปถือว่าสูงมากนปี 2020 เมื่อเทียบกับ 2019 อยู่ที่กว่า 137% เลยทีเดียว รองลงมาคือจีน 12%

สัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV และ PHEV ปี 2020 ทั่วโลก

นอร์เวย์ อันดับ 1 BEV 48.1% และ PHEV 20.4%
เนเธอร์แลนด์ อันดับ 2 BEV 9.1% และ PHEV 3.5%
เยอรมนี อันดับ 3 BEV 3.6% และ PHEV 4.8%
จีน อันดับ 4 BEV 3% และ PHEV 1%
เกาหลีใต้ อันดับ 5 BEV 1.9% และ PHEV 0.3%

ขณะที่ตัวเลขการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกทั้งสองประเภทรวมกันอยู่ที่ราว ๆ เกือบ 8 ล้านคัน โดยฝั่ง BEV มียอดการใช้อยู่ราว ๆ 4.79 ร้านคัน ส่วน PHEV มีอยู่ราว 2.38 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายฝั่ง BEV ในปี 2019 อยู่ที่ 1.68 ล้านคัน ด้าน PHEV อยู่ที่ 969,000 คัน ด้านฝั่งแท่นชาร์จที่เป็นแบบ fast EVSE chargers ตัวเลขในปี 2020 อยู่ที่ 385,680 แท่นทั่วโลก ซึ่งเกือบทั้งหมดอยู่ในประเทศจีน โดยจีนเองมีแท่นชาร์จทั้งแบบเร็วและแบบปกติรวมกันตอนนี้มากกว่า 800,000 แท่นทั่วประเทศ (นับเฉพาะที่เป็นสาธารณะเท่านั้น) และแค่เฉพาะปี 2019 ปีเดียวจีนติดตั้งแท่นชาร์จเพิ่มขึ้นถึง 250,000 แท่น

รถยนต์ไฟฟ้ามี 4 ประเภท

1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle, HEV)
2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle, PHEV)
3. รถยนต์ไฟฟ้าเซลเชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV)
4. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV)

เขียนและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ข้อมูล : ฺRT,Bloomberg, statista, IEA

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHC

#Businessplus #EVcar #รถยนต์ไฟฟ้า #การลงทุน #อุตสาหกรรม #investment