มากกว่าอรรถรส

ในโลกยุคนี้ที่มี “สารพันสาร” เผยแพร่อยู่ในช่องทางสื่อต่าง ๆ มากมาย ต้องยอมรับว่ามี “ปริมาณ” มากกว่า “คุณภาพ” อยู่ไม่น้อย

ซึ่งอัตราส่วนของสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดูจะเป็นรองส่วนที่ไร้ประโยชน์ แม้เราจะเปิดใจ นิยามคำว่าประโยชน์นั้น ครอบคลุมกว้างขวาง ทั้งในแง่การประเทืองปัญญาหรืออารมณ์ เป็นความสร้างสรรค์ เป็นการติเพื่อก่อ ฯลฯ ก็ตาม

เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ เนื้อหาต่าง ๆ ล้วนมีผลต่อผู้รับสาร หากเป็นสิ่งดี มีประโยชน์ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ย่อมมีส่วนในการเสริมสร้างสังคมไปในทางที่ดีขึ้น ไม่มากก็น้อย จะคัดสรรหาของดีมีประโยชน์และรสอร่อยมาบริโภคนั้น สามารถคัดกรองได้หลายวิธี และวิธีหนึ่งคือการดูจากการจัดสรรมอบรางวัลต่าง ๆ ที่มีความเที่ยงธรรมโปร่งใส

ผู้เขียนได้มีโอกาสไปร่วมงานพิธีมอบรางวัลสื่อมวลชนดีเด่น ประจำปี 2517 ของสื่อมวลชนคาธอลิก ประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานศาสนาที่ดำเนินการภายใต้สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมสื่อที่ดี มีคุณค่า เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย และเป็นกำลังใจให้องค์กรสื่อมวลชนหรือผู้ผลิตสื่อต่าง ๆ ให้ตระหนักถึงบทบาทที่จะส่งผลต่อผู้คนในสังคมทั้งโดยตรงและโดยอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเยาวชนของชาติ

ซึ่งในการนี้มีบรรดาสถาบันศึกษาต่าง ๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย อาทิ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น, วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ เป็นต้น ซึ่งการจัดงานปีนี้นับเป็นครั้งที่ 35 แล้วมีการมอบรางวัลให้กับภาพยนตร์ไทย รายการโทรทัศน์ ละครโทรทัศน์ และรายการโฆษณา โดยใช้เนื้อหาเป็นตัวนำ เพื่อเผยแพร่เรื่องราวที่ส่งเสริมสถาบันครอบครัว ธำรงไว้ซึ่งการเห็นคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยรางวัลต่าง ๆ ที่มอบให้ หลาย ๆ รางวัล มีความน่าสนใจและสมศักดิ์ศรีมาก อาทิ

รางวัล Grand Jubilee Award ของปีนี้ เป็นของรายการ “ลุงไม่รู้โรย สูงวัยดี๊ดี” ของสถานีโทรทัศน์ Thai PBS ซึ่งเป็นรายการที่ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย สร้างแรงบันดาลใจให้สังคม ให้ผู้สูงอายุ และผู้ชมได้เห็นว่าท่านยังทำอะไรได้อีกมากมาย เพราะความจริงอีกด้านคือในภายภาคหน้า สังคมไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น การวางรากฐานทางทัศนคติที่ดี สำคัญมาก

สำหรับรางวัลภาพยนตร์ไทยที่ปีนี้ได้รับ 2 เรื่องนั้น ดูผิวเผินอาจเป็นภาพยนตร์เพื่อสร้างความบันเทิง สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม แต่เบื้องลึกยังสอดแทรกคุณธรรมอันมาซึ่งความสุขและความอบอุ่นให้กับชีวิตและจิตใจ หากนำมาไตร่ตรองและปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เรื่องแรก “พรจากฟ้า” เน้นความรู้สึกหลากหลายผ่านเรื่องราวที่ดีและร้ายในชีวิตไปพร้อมกัน ทั้งความรัก ความหวัง และความโศกเศร้า แต่ล้วนเป็นความอิ่มเอมใจที่ให้แง่คิดด้านบวกกับชีวิตผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 9 ที่นำมาเป็นเส้นเรื่อง

ส่วนภาพยนตร์อีกเรื่อง “ฉลาดเกม(ส์)โกง” กล้าคิดกล้าทำที่จะทำเสนอคุณธรรมความซื่อสัตย์ในสังคมไทยผ่านสถาบันการศึกษาซึ่งเป็นจุดเล็ก ๆ ในสังคมได้อย่างสร้างสรรค์ โดยนำเสนอเรื่องราวการโกงในสังคมไทยที่เริ่มจากจุดเล็ก ๆ เล่าเรื่องของนักเรียนชั้นมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งที่คิดหารายได้จากการโกงข้อสอบ แล้วเรื่องเล็กก็เริ่มบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ ฉะนั้น นอกเหนือจากความบันเทิง ยังชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่ถูกต้องของครอบครัวและสังคม จนสามารถนำข้อคิดและคุณคุณธรรมสอนใจที่สอดแทรกอยู่กลับมาตรึกตรองและปฏิบัติให้เป็นจริง ทั้งในครอบครัวและสังคมได้อย่างถูกต้อง

ในส่วนของภาพยนตร์โฆษณามี 3 เรื่องที่ได้รับรางวัล ล้วนส่งเสริมให้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต ความรัก สร้างแรงบันดาลใจ และจุดประกายให้สังคมเกิดการเรียนรู้และเข้าใจปัญหา ให้แง่คิดในการปรับเปลี่ยนทัศนคติเพื่อการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า เช่น ภาพยนตร์เรื่อง “เก่ง VS ดี” ของกลุ่มเครือข่ายสานต่อที่พ่อทำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของ ดร. วัชรมงคล เบญจธนฉัตร์ เจ้าของบริษัทบาธรูมดีไซน์ จำกัด ที่ชีวิตเคยพลิกผันจากจุดสูงสุดจนถึงจุดต่ำสุดด้วยพิษวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 แต่หลังจากได้ฟังแนวพระราชดำริตามหลักแนวเศรษฐกิจพอเพียงจนตกผลึก กลายเป็นหนทางหลุดพ้นแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทีละส่วน ๆ ทำธุรกิจสู้ด้วยความรัก ไม่ใช่ความโลภ จนกิจการมั่นคงได้ในที่สุด

ส่วนอีกเรื่องเป็นของธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อเรื่อง “คุณนายออม ด้านมืดของชีวิตเซเลบ” เป็นเรื่องราวที่ SCB Thailand ได้สร้างสรรค์ขึ้น และเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มของธนาคาร เพื่อตีแผ่เรื่องราวปัญหาการเงินของคนในสังคมไทย โดยนำมาจากอินไซต์ของผู้คนในแต่ละกลุ่ม แต่ละช่วงชีวิต ซึ่งคุณนายออมจะช่วยแนะแนวทางแก้ไข พร้อมสอดแทรกทริกในการบริหารจัดการเงินที่เข้าใจง่าย ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันและไม่ได้มีการทำออกมาเพียงเรื่องเดียว แต่ยังมีภาคต่อเป็นซีรีส์ เพราะปัญหาเรื่องการเงินและการให้ความรู้ควบคู่กันไปสามารถมีได้หลากหลายกรณี และอีกเรื่องคือผลงานภาพยนตร์โฆษณา เรื่อง “โอกาส” จากไทยประกันชีวิต ที่สามารถเล่าเรื่องได้อย่างซาบซึ้งใจ ขับเคลื่อนชีวิตใหม่ด้วยพลังจากความทุกข์ที่มี สะท้อนการให้โอกาสซึ่งกันและกันในสังคม


นอกจากนี้ ยังมีรายการโทรทัศน์ที่ได้รางวัล 1 รายการคือ Guiding Light ก้าวตามรอยท้าวพ่อ ซึ่งสามารถสะท้อนความสัมพันธ์ของครอบครัวไทยที่ทุกบ้านต่างมีทั้งความสุขและปัญหาแตกต่างกันไป โดยเน้นที่ความสัมพันธ์ของการเป็นพ่อลูก ที่สื่อถึงแนวปรัชญาการดำเนินชีวิต ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังมีคุณค่าสามารถนำมาประยุกต์ปรับใช้ได้กับชีวิตจริง ส่งประโยชน์ถึงทั้งกับตัวเอง ครอบครัว และสังคม

อีกรางวัลหนึ่งเป็นของละคร “พี่น้องลูกขนไก่” ซึ่งเป็นเรื่องราวอันสุดซึ้งของครอบครัวนักกีฬา บอกเล่าผ่านชีวิตของแม่ม่ายสองพี่น้องที่ช่วยกันเลี้ยงลูกของตนคือ โด่ง และ ยิม ผู้เป็นออทิสติก แม่ทั้งสองเล่นแบดมินตันทุกวัน สานต่อไปจนถึงการฝึกลูกและฝันว่า “วันหนึ่งเด็กทั้งสองจะต้องเป็นนักกีฬาแบดมินตันประเภทคู่ที่เก่งที่สุดให้ได้”

ทุกรางวัล ทุกเรื่องราวที่ได้รับการคัดสรรจนได้รับรางวัลนี้ เป็นกำลังใจดี ๆ ที่ช่วยทำให้คนสร้างสรรค์เนื้อหาในช่องทางสื่อต่าง ๆ มีพลังแรงใจที่จะสร้างงานคุณภาพต่อไป เพราะในความเป็นจริงแล้ว เราล้วนตระหนักดีว่า สังคมไทยชอบเสพอะไรที่เป็นอรรถรส ขอให้สนุก ดราม่า ตลก ฮา ซึ้ง อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างผสมกัน ล้วนถูกจริตคนไทย แต่ “มากกว่าอรรถรส” คือคุณค่า ความหมายที่สามารถกระตุกต่อมคิดสะกิดหัวใจให้ชีวิตเราสังคมเราดำเนินไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น สร้างสรรค์ขึ้น…นั่นคือคุณค่าที่เหนือกาลเวลา และเหนือกว่ารางวัลใด ๆ ของสื่อและสารทุกแขนงอย่างแท้จริง

จันทร์เพ็ญ จันทนา ผู้อำนวยการ ผู้บริหารสาย Integrated Digital Marketing Management ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)