The Business Plus บิสิเนสพลัส
อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่เป็นในระดับโลก จุดเด่น คือ หาดทรายและทะเล แถมแหล่งที่ตั้งก็เหมาะกับการเที่ยวทั้งค้างคืน หรือ One day Trip เพราะอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ 140 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
นั่นทำให้การเดินทางมายังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้สะดวกสบายเอาเสียมาก ๆ และหากพูดในมุมมองของเศรษฐกิจก็เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน นั่นคือสาเหตุที่ว่า ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับพัทยาไม่แพ้จังหวัดท่องเที่ยวอื่น ๆ
หนึ่งในแผนการฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวของเมืองพัทยาที่ยังต้องจับตากันต่อว่าจะสำเร็จกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าคือสร้างรายได้ในพัทยาให้กลับมาอยู่ที่ระดับ 20% ในปีนี้ได้หรือไม่? คือ โครงการ Pattaya Move on
Pattaya Move on เป็นโมเดลที่ถูกคิดขึ้นมาต่อจากภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และโมเดลในพัทยานี้คล้าย ๆ กับการเปิดเกาะสมุย โดยข้อกำหนดของโครงการนี้ คือ คนในพื้นที่จะต้องฉีดวัคซีนครบโดสให้ได้ตามกำหนด 70% ของผู้ประกอบการท่องเที่ยว และเปิดเมืองพัทยารับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระบบปิด นักท่องเที่ยวต้องผ่านการตรวจเชื้อโควิด-19 และฉีดวัคซีนครบโดส ขณะที่เมื่อมาถึงพัทยาก็ต้องกักตัวอยู่ในโรงแรมตามกำหนดเป็นขั้นตอน และหลังจากกักตัวนักท่องเที่ยวจะสามารถท่องเที่ยวตามสถานที่ที่กำหนดเอาไว้คือ อำเภอบางละมุง และสัตหีบ เท่านั้น
สำหรับโครงการนี้เคยจะถูกนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ในขณะนั้นก็เป็นอันต้องพับแผนลงไปหลังจากตัวเลขติดเชื้อในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้น จนมีการประกาศเคอร์ฟิวส์ตั้งแต่เวลา 21.00 – 04.00 น. ทำให้เกิดผลกระทบต่อแผนที่วางเอาไว้ในหลาย ๆ ด้าน จนทำให้โครงการเปิดได้ล่าช้าลง และคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม
แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนมองว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก นั่นเป็นเพราะเงื่อนไข “คนในพื้นที่จะต้องฉีดวัคซีนครบโดสให้ได้ตามกำหนด 70%” แต่ ณ ปัจจุบัน (กลางเดือนกันยายน) ตัวเลขฉีดวัคซีนครบโดสยังอยู่ในระดับประมาณ 15% เท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมาย
#เสียงสะท้อนผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพัทยา
แต่ในมุมมองของผู้ประกอบการแล้วแน่นอนว่า อยากให้โครงการนี้เกิดขึ้นเร็วที่สุด ซึ่งทีมงาน Business+ ได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในพัทยาหลายราย ทั้งบริษัททัวร์ครบวงจร ไปจนถึงผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พัทยาตอนนี้ยังเงียบเหงา
อยากจะให้โครงการ Pattaya Move on เกิดขึ้นให้ไวที่สุด และหากพูดให้พูดในมุมของนักท่องเที่ยวไทยตอนนี้เป็นช่วงที่พัทยาน่าเที่ยวมากที่สุด เพราะโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดน้อยลง นักท่องเที่ยวชาวไทยมีโอกาสได้เข้าถึงแพ็กเกจพรีเมียม และการบริการแบบ Private Group ที่เป็นส่วนตัว
ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องของการเว้นระยะห่าง เพราะผู้ประกอบการทุกรายพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฏของภาครัฐ และยังมีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ทะเล หาดทราย สวยงามมากเพราะก่อนหน้านี้ธรรมชาติได้รับการฟื้นฟูในช่วงปิดการท่องเที่ยวในมาตรการคุมโควิด-19
“บางแพ็กเกจก่อนหน้านี้คนไทยถึงจะมีเงินแต่ก็ซื้อไม่ได้ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติได้จองกันมาข้ามปี ทำให้ลูกค้าคนไทยซื้อบริการเหล่านี้ไม่ทัน แต่พอโควิด-19 มาก็ทำให้เราต้องปรับตัวหาช่องทางสื่อสารกับลูกค้าคนไทยมากขึ้น เช่นใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทำการตลาด ด้วยกลยุทธ์การตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) คือการใช้เครื่องมือการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง และมุ่งเน้นตลาดกลุ่มเล็ก แต่เน้นเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมาก เลยทำให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุดมากกว่าแต่ก่อน การเปิดพัทยาจะทำให้เรามีรายได้ถึงแม้ไม่มากเท่าเดิม แต่ก็พอจะทำให้อยู่รอดไปก่อน” แหล่งข่าวผู้ประกอบการในพัทยา กล่าว
สำหรับในมุมมองของผู้ประกอบการ นั้น เห็นได้ชัดว่ายังมีความคาดหวังให้พัทยากลับมาคึกคัก ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถกลับมาเท่าก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 แต่การปรับตัวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ตรงจุดมากขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง และเน้นหลักความสะอาด ปลอดภัย ก็จะทำให้ได้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมจ่ายให้กับบริการที่ราคาสูงขึ้น ทำให้กำไรขั้นต้นสูงขึ้น
แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเงื่อนไขที่นโยบายหรือโครงการภาครัฐคอยเกื้อหนุน ทั้งในด้านแหล่งเงินทุน และการให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยว หรือแม้แต่เรื่องของธุรกิจการแพทย์ก็ต้องน่าเชื่อถือ ถึงจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาได้เร็วขึ้น
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
.
.
ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS
.
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #พัทยาMOVEON #พัทยา
