ผู้ป่วยเยอะ ธุรกิจ ร.พ. ดีขึ้น? ผลกระทบจากวิกฤตที่ไม่ว่าธุรกิจไหน ก็เจอจุดเจ็บไม่ต่างกัน

ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบัน หลายคนอาจมองว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเป็นหนึ่งสถานที่สำคัญที่ได้รับปัจจัยบวกจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น และเกิดการตั้งคำว่าถามว่า ด้วยสถานการณ์ที่หลายคนต้องพึ่งพิงสถานพยาบาล แท้จริงแล้วโรงบาลนั้นได้กำไร หรือผลประโยชน์กับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่? ก่อนจะตอบคำถามเหล่านั้นได้ เราต้องเจาะเข้าไปถึงโครงสร้างรายได้เสียก่อน

มาย้อนดูผลโรงพยาบาลในเครือ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ปี 2562
รายได้รวม 18,718.27 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 3,747.73 ล้านบาท (ลดลง 9.7%)

ปี 2563
รายได้รวม 12,567.83 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 1,204.14 ล้านบาท (ลดลง 67.9%)

ไตรมาส 1/2564
รายได้รวม 2,699.50 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 91.13 ล้านบาท (ลดลง 88.1%)

โดยในปี 2563 ถือเป็นปีที่บริษัทฯ เริ่มเจอผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เหมือนกับหลายธุรกิจต้องพบเจอ ด้วยข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้รายได้หลักที่มาจากชาวต่างชาตินั้นปรับตัวลดลง

ในปีช่วงไตรมาส 4 ปี 2562
พบว่ารายได้หลักมาจาก กลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติสัดส่วนร้อยละ 59.8 และกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยร้อยละ 56.1 เทียบกับ ช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 รายได้หลักมาจากกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติสัดส่วนร้อยละ 43.9 และกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยร้อยละ 67.0 (จะเห็นได้ว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติมีสัดส่วนลดลง)

โดยรายได้จากผู้ป่วยที่เป็นชาวไทย ลดลงไปร้อย 1.8 และกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติลดลงสูงถึงร้อยละ 48.4

ในส่วนของรายได้รวม เมื่อเทียบในไตรมาสแรกของปี พบว่า
ไตรมาส 1/2563
รายได้รวม 4,137 ล้านบาท
กําไรสุทธิ 765 ล้านบาท

และนั้นหมายความว่า ไตรมาส 1/2564 รายได้รวม ลดลงร้อยละ 35.3 และกําไรสุทธิ ลดลงร้อยละ 88.1

ถึงแม้ว่าสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อจะมีมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องมาถึงปี 2564 ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่า กลุ่มรพ.ที่มีรายได้จากการตรวจและรักษาโควิด-19 จะได้รับผลดี แต่บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศสูงมากถึงครึ่งหนึ่งของรายได้รวมทีเดียว

ซึ่งสัดส่วนรายได้ ปี 2563 จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย อยู่ที่ร้อยละ 34.6 และชาวต่างชาติร้อยละ 65.4 เทียบกับสัดส่วนรายได้ ไตรมาส 1/2564 ที่มาจากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยร้อยละ 53.9 และชาวต่างชาติร้อยละ 46.1 เป็นสาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิปรับตัวลดลง

ในส่วนของผลประกอบการโรงพยาบาลในเครือ บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) หรือ SVH

ปี 2562
รายได้รวม 12,796.18 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 2,001.40 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7%)

ปี 2563
รายได้รวม 10,475.93 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 1,447.40 ล้านบาท (ลดลง 28%)

ไตรมาส 1/2564
รายได้รวม 2,497.01 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 318.69 ล้านบาท (ลดลง 34%)

ซึ่งหากเทียบในช่วงไตรมาส 1/2563 ที่มี
รายได้รวม 2,949 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 480 ล้านบาท

เท่ากับว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
รายได้รวม ลดลงร้อยละ 14
กำไรสุทธิ ลดลงร้อยละ 34

ซึ่งรายได้โดยรวมของปี 2563 นั้น ลดลงจากปี 2562 คิดเป็นร้อยละ 18 ด้วยปัจจัยลบจากสถานการณ์โรคระบาดจึงทำให้กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติเข้ามาใช้บริการลดลงเหลือเพียง 31%

โดยสรุปแล้ว
ข้อมูลที่หยิบยกมาทั้ง 2 บริษัทฯ แสดงในเห็นถึงสถานการณ์ของธุรกิจโรงพยาบาลในขณะนี้ว่า แม้ในภาพรวมจะมีจำนวนผู้ป่วยสะสมที่มากขึ้น แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ภาพรวมของผลประกอบการจะดีเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา เพราะต้องอย่าลืมว่ารายได้หลักนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มต่างชาติและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
ที่มา : SET.co.th