‘บ้านอัจฉริยะ’ Mega Trend 2021

ที่อยู่อาศัยนั้นมีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานตลอดเวลาหลายร้อยปี โดยจุดเริ่มต้นพื้นฐานที่สุดของลักษณะที่อยู่อาศัยที่พอจะนึกออกก็คงหนีไม่พ้น การอาศัยอยู่ในถ้ำ ต่อมาก็เริ่มพัฒนามาเป็นการสร้างด้วยไม้และหญ้า ก่อนจะปรับมาเป็นก้อนอิฐและซีเมนต์ นี่คือรูปลักษณ์ของบ้านที่เป็นมาในอดีตจวบจนปัจจุบัน ซึ่งมันถูกออกแบบมาเพื่ออยู่อาศัยปกป้องเราจากสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายภายนอก ให้เกิดความปลอดภัยและอบอุ่นใจสำหรับผู้อยู่ภายในบ้าน

แต่บ้านยุคใหม่ในวันนี้จะไม่ได้แค่ปกป้องคุณจากอันตรายภายนอกเท่านั้นอีกแล้ว เพราะบ้านในวันนี้จะเป็นบ้านที่เข้าอกเข้าใจ และมีความรู้ใจเจ้าของบ้านได้ดีเสียกว่าตัวเจ้าของบ้านเองซะอีก นั่นทำให้บ้านในยุคข้างหน้าถูกขนานนามว่า ‘บ้านอัจฉริยะ’ หรือ Smart Home

แล้ว Smart Home คืออะไร Investopedia ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการลงทุนได้อธิบายไว้ว่า “บ้านอัจฉริยะจะอนุญาตให้เจ้าของบ้านสามารถควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องทำความร้อน แสงไฟ และอื่น ๆ ผ่านอุปกรณ์สื่อสารอย่าง สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตผ่านการเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ต โดย Smart Home สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งรูปแบบระบบไวร์เลสและระบบการเดินสาย พร้อมกันนั้นมันจะมอบความสะดวกสบายให้เจ้าของบ้าน และประหยัดต้นทุนไปพร้อม ๆ กัน”

โดยรูปแบบการทำงานนั้นอุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เป็นศูนย์กลางอย่าง สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต (รวมไปถึงอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะเชื่อมต่อกันเองด้วยในอนาคตต่อไป) โดยมีระบบแพลตฟอร์มบ้านอัจฉริยะเป็นศูนย์กลางในการควบคุมตั้งแต่ประตูบ้าน ทีวี เครื่องทำความร้อน กล้องวงจรปิด แสงไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น หรือเครื่องทำน้ำร้อน เป็นต้น ซึ่งระบบแพลตฟอร์มบ้านอัจฉริยะจะถูกติดตั้งอยู่บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โดยที่ผู้ใช้สามารถจัดการกับอุปกรณ์เหล่านี้ได้ตามต้องการ

โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะเรียนรู้ความต้องการของเราผ่านการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ของเรา แล้วจัดการปรับทุกอย่างให้ตรงกับความต้องการของเราล่วงหน้า เช่น เราชอบดื่มน้ำเย็น แต่ในตู้เย็นยังไม่มีน้ำแข็ง มันก็จะแจ้งเตือนเราโดยถามความต้องการของเรา ว่าจะให้ทำน้ำแข็งไหม หรือของในตู้เย็นบางอย่างที่เราชอบทานขาดแคลนไปมันก็จะแจ้งเตือนเราว่าจะสั่งของชิ้นนั้นไหม เป็นต้น

ตลาด Smart Home ใหญ่แค่ไหน

ถ้าอยากรู้ตลาดนี้ใหญ่แค่ไหนให้ฟังจากคำสัมภาษณ์ของนาย B.K. Yoon ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารของซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ได้เคยพูดเอาไว้ในงาน the Consumer Electronics Show ในลาสเวกัส (Las Vegas) เมืองในเนวาดา เมื่อปี 2015 ว่า “ผมรับรู้ด้วยใจของผมเลยว่าการทำให้ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง เกิดขึ้นนั้น จำเป็นต้องใช้มากกว่าแค่บริษัทเดียว ซึ่งพวกเราทั้งหมดจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน”

จากรายงานของ Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี ในเรื่อง 7 เทรนด์สินค้าเทคโนโลยีปี 2022 พบว่า Smart Home ถือเป็นหนึ่งใน 7 เทรนด์สำคัญของปีนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า โดยเฉลี่ยบ้านจะบรรจุอุปกรณ์อัจฉริยะมากกว่า 500 ชิ้นภายในบ้านในปี 2022 นี้ โดยปีนี้จะเป็นปีสำคัญที่จะได้เห็นการเปิดตัว ‘the smart home OS’ ที่ถูกสร้างภายใต้การจับมือกันของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Google และ Amazon ภายใต้เป้าหมายการสร้างมาตรฐานสภาพแวดล้อมการดำเนินงานสำหรับอุปกรณ์เชื่อมต่อภายในบ้าน

ขณะที่ข้อมูลจากทาง Statista เว็บไซต์ด้านข้อมูลระดับโลกเผยว่า รายได้ของตลาด Smart Home ในปี 2022 นี้จะมีมูลค่าสูงถึง 122,922 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่องแบบนี้ไปอีก 3 ปีจนถึง 2025 ที่ตัวเลขรายได้ 182,442 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านจำนวนบ้านที่จะเป็น Smart Home เต็มรูปแบบในปี 2022 ทั่วโลกจะอยู่ที่ 302 ล้านหลัง และจะพุ่งแตะ 478 ล้านหลังในปี 2025 ขณะที่มูลค่าตลาดการขนส่งอุปกรณ์อัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดเป็นของประเทศจีนและทวีปเอเชีย ด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 289 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 และจะพุ่งแตะ 726 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025

สอดคล้องไปกับการสำรวจของ Parksassociates ที่ปรึกษาด้านการตลาดและผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ IoT พบว่าในไตรมาส 4 ปี 2020 จำนวน 34% ของครัวเรือนที่มีการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเป็นเจ้าของอุปกรณ์ Smart Home อย่างน้อย 1 ชิ้น 23% เป็นเจ้าของ 3 ชิ้นขึ้นไป และ 15% มีถึง 6 ชิ้นหรือมากกว่านั้น

ประเทศไหนทำรายได้จากอุตสาหกรรม Smart Home สูงสุด

ประเทศ                                        รายได้ / 2022          รายได้ / 2025

สหรัฐอเมริกา                                   28,860                        46,770

ทวีปยุโรป                                          31,321                        45,001

สหราชอาณาจักร                             8,15                            11,913

ฝรั่งเศส                                              2,676                          3,837

จีน                                                       24,000                        38,000

อินเดีย                                                5,499                          9,031

หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ

6 องค์ประกอบหลักสู่การเป็น Smart Home

  1. Security: ความปลอดภัย

ปัจจัยความปลอดภัยนั้นมีอยู่ 3 มิติด้วยกันในวันนี้ที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ความแข็งแรงของบ้าน ระบบซอฟต์แวร์ของบ้าน และปัญหาสังคม แต่ปัญหาที่มีส่วนกระตุ้นหลัก ๆ ในวันนี้ให้ความต้องการ บ้านอัจฉริยะ สูงขึ้นคือ ระบบซอฟต์แวร์ของบ้านกับปัญหาสังคม

การสร้างหรือการซื้อบ้านปัจจัยแรก ๆ ที่คนจะคำนึงถึงคงหนีไม่พ้นเรื่อง ความปลอดภัย  และการพัฒนาบ้านอัจฉริยะ ในวันนี้สิ่งที่หลายฝ่ายให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือความปลอดภัย แต่เนื่องจากข้อเสียของความอัจฉริยะก็คือ เมื่อทุกอย่างมันอัตโนมัติไปหมด ซึ่งหากระบบมีปัญหาขึ้นมา เช่น ถูกแฮ็ก ก็จะนำไปสู่การล่มของระบบภายในบ้านทั้งหมด ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ของผู้พัฒนาระบบทั้งหมดที่จะต้องเข้ามาแก้ไขจุดนี้ให้ได้

ขณะที่การมาของ COVID-19 ได้สร้างปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางรายได้ให้กับคนทั่วโลกเป็นอย่างมาก หลายคนรายได้ลดลง หลายคนไม่มีรายได้ สิ่งเหล่านี้นำไปสู่ความวุ่นวายทางสังคม เช่น อาชญากรรม การปล้นชิง เป็นต้น ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นตรงนี้ทำให้ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินภายในบ้านกลายเป็นเรื่องสำคัญ

จากการสำรวจของ Parksassociates ที่ปรึกษาด้านการตลาดและผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ IoT ได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 และความวุ่นวายในสังคมทำให้ครอบครัวที่มีลูกจำนวนมากในสหรัฐ 43% มีความกังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขามากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อมองไปที่ตัวเลขข้อมูลเชิงสถิติของบริษัทเก็บข้อมูลระดับโลกอย่าง Statista พบว่าตัวเลขกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย  Home Monitoring/Security ทั่วโลกก็ปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดสอดรับไปกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยก่อนการระบาดตัวเลขรายได้ทั่วโลกในกลุ่มนี้อยู่ที่ไม่เกิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หลังการระบาดตัวเลขดังกล่าวขยับขึ้นไปแตะเกือบ ๆ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว

  1. Energy Management: การบริหารจัดการพลังงาน

พลังงานถือเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ภายใต้การพัฒนาบ้านอัจฉริยะให้เป็นจริง ในความเป็นจริงวันนี้เราจะเห็นการใช้ไฟของบ้านจำนวนมากเป็นไปอย่างไม่คุ้มค่า เช่น เราเปิดน้ำทิ้งไว้สำหรับใช้ในการล้างพื้นทำความสะอาดบ้าน ซึ่งระหว่างที่เรากำลังขัดพื้นอยู่นั้น น้ำที่เราเปิดทิ้งไว้ก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่เทคโนโลยีจะถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าขึ้น หรืออีกตัวอย่างที่เราเห็นได้ประจำคือ เมื่อเราเข้าไปในห้องน้ำสาธารณะเราจะเจอกับก๊อกน้ำที่เปิดปิดอัตโนมัติ เมื่อมือเราไปโดนตรงเซนเซอร์น้ำก็จะไหล เมื่อเราใช้เสร็จและดึงมือออกจากอ่าง น้ำก็จะหยุดไหลทันที นี่คือตัวอย่างของ การบริหารพลังงานด้วยเทคโนโลยี ที่ชัดเจนและใกล้ตัวเรา

ปัจจุบันตลาดบริหารจัดการพลังงานสำหรับบ้านอัจฉริยะทั่วโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 6,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 และยังพัฒนาเพิ่มขึ้น บริษัทที่เป็นตัวขับดันอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย Nest, Google Home และ Samsung SmartThings ขณะที่ตัวเลข Energy Management solutions ในสหรัฐสร้างรายได้ 2,020 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 โดยมีผลิตภัณฑ์ราคาแพงอย่าง เทอร์โมสตัท (เครื่องมือสำหรับใช้ควบคุมอุณหภูมิ) ของบริษัท Nest ที่มีราคาแพงเป็นตัวขับดันตลาด

ฝากทวีปยุโรปตลาด Energy Management solutions มีมูลค่าสูงถึง 1,980 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีประเทศเยอรมนีเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ด้วยอัตราการเติบโตมากกว่า 14.9% ต่อปี พร้อมคาดการณ์มูลค่าตลาดรวมในปี 2026 ที่ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านผู้นำเศรษฐกิจเอเชียอย่างจีนมีมูลค่าตลาดนี้ค่อนข้างเล็กอยู่ที่เพียง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยทาง Statista คาดการณ์ว่าตลาดของจีนจะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งเฉลี่ย 18.8% ต่อปี พร้อมมูลค่าคาดการณ์ปี 2026 ที่ 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

  1. Home Entertainment & Media Management: ความบันเทิงภายในบ้าน และการบริหารจัดการสื่อ

อีกหนึ่งกลุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบ้านยุคใหม่เป็นแน่แท้ก็คือ ความบันเทิงภายในบ้าน ในยุคสมัยก่อนอุปกรณ์ความบันเทิงที่เราใช้งานจะไม่มีความอัจฉริยะอยู่ในตัว หรือมันไม่รู้ใจเราเหมือนในวันนี้ แต่ในวันนี้และอนาคตภายใต้การขับเคลื่อนของปัญญาประดิษฐ์ (AI) อุปกรณ์เหล่านี้จะเรียนรู้ความชอบของเราอย่างลึกซึ้ง จนมันรู้จักเราดีกว่าตัวเราเองรู้จักตัวเองเสียอีก และนั่นจะเป็นการยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงภายในบ้านขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งจะมุ่งตอบสนองความชอบส่วนตัวของเราเป็นการเฉพาะเท่านั้น

และเมื่อมีความบันเทิงแบบอัจฉริยะมากมายเกิดขึ้น การบริหารจัดการสื่อซึ่งจะต้องตามมา เนื่องจากธุรกิจคอนเทนต์ในวันนี้มีการเติบโตเป็นอย่างมากจากการมาของสื่อสังคมออนไลน์ นั้นทำให้เกิดข้อมูลข่าวสารจำนวนมหาศาล ที่หลั่งไหลเข้ามาหาเราแบบที่เราไม่อาจจะรับมือไหว การมีระบบปัญญาประดิษฐ์ซึ่งเข้าอกเข้าใจเราคอยคัดสรรและกรองข้อมูลข่าวสารที่เราอยากรู้เท่านั้นให้จึงเป็นสิ่งสำคัญ และน่าจะเป็นตลาดที่เติบโตแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในอนาคต

ขยับมาดูขนาดของตลาดในกลุ่มนี้กันบ้างในปี 2020 จากข้อมูลของ Statista พบว่าตลาดกลุ่มความบันเทิงภายในบ้าน และการบริหารจัดการสื่อมีมูลค่าทั่วโลกอยู่ที่ 9,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่สหรัฐด้วยมูลค่ากว่า 2,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 และจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 6.6% แบบนี้ไปจนถึงปี 2026 ทำให้รายได้จากตลาดรวมของกลุ่มนี้ในสหรัฐจะพุ่งแตะ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นรายได้จากฟากครัวเรือนถึง 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว ฟากยุโรปตลาดนี้ในปี 2020 มูลค่าอยู่ที่ 2,730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ยุโรปโตเฉลี่ย 9.3% ต่อปีถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับตลาดอื่น) ใหญ่กว่าจีนที่ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

  1. Smart Appliances: เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ

ภาพงานบ้านในอดีตตอนคุณกวาดบ้านต้องมีไม้กวาดกับที่โกยฝุ่น ตอนถูบ้านต้องมีถังน้ำและไม้ถูพื้น เวลาดูดฝุ่นก็ต้องใช้ผ้าหรือไม่ก็เครื่องดูดฝุ่น แล้วก้มหน้าก้มตาเช็ดหรือดูดมันไปทุกที่ในบ้าน เวลาซักผ้าก็ต้องมายืนเฝ้าว่าเมื่อไรจะซักเสร็จจะได้เตรียมปล่อยน้ำต่อไป นี่คือภาพในอดีตซึ่งต่อไปงานเหล่านี้อาจจะไม่ใช้งานของคุณอีกแล้ว ด้วยนวัตกรรมในยุคใหม่เราได้เห็นเครื่องดูดฝุ่นสามารถจัดการฝุ่นภายในบ้านแทนไม้กวาดได้แบบไร้รอยต่อ เราได้เห็นตู้เย็นที่จะคอยบอกเราว่าตอนนี้สิ่งที่คุณชอบทานในตู้เย็นไม่มีแล้วนะจะซื้อเพิ่มไหม คุณจะได้เห็นเครื่องซักผ้าที่รู้ว่าปริมาณขนาดไหนที่ซักหนึ่งครั้งแล้วคุ้มค่า ประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตคุณ

เพราะฉะนั้นนี่คืออีกหนึ่งตลาดที่ไม่ธรรมดา ขนาดตลาดทั่วโลกตอนนี้ในปี 2020 อยู่ที่ 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีจีนเป็นผู้นำในตลาดนี้ที่รายได้ 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พวกมันคือแกนหลักในการขับดันตลาด Smart Home โดยรวมเลยทีเดียว สำหรับตลาดนี้เติบโตเฉลี่ยปีละถึง 20.5% เลยทีเดียว โดยปี 2026 ตลาดนี้ของจีนน่าจะสร้างรายได้อยู่ที่ 23,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว

  1. Control and Connectivity: ส่วนควบคุมและเชื่อมต่อ

การควบคุมและเชื่อมต่อถือเป็นหัวใจของการก่อเกิด Smart Home เลยทีเดียว โดยบ้านในยุคใหม่จะต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต โดยจะมีศูนย์ควบคุมกลางของบ้านอย่างแพลตฟอร์มที่จะอยู่บนสมาร์ทโฟนของเรา หรือพวกอุปกรณ์สั่งด้วยเสียงอย่าง Voice Speaker (Alexa ของแอมะซอน) เปรียบดั่งศูนย์บัญชาการ คุณจะสามารถสั่งเปิดไฟ ปิดไฟ หรือควบคุมอุณหภูมิภายในห้องนอนได้ด้วยเครื่องมือเหล่านี้

ปัจจุบันตลาดนี้ทั่วโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 15,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศที่เป็นผู้นำตลาดคือสหรัฐด้วยรายได้ 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยุโรปรองลงมาที่ 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจีนที่ 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ทาง Statista คาดการณ์ว่าในปี 2026 ตลาดนี้จะมีมูลค่าโตแบบก้าวกระโดดถึง 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

  1. Comfort and lighting: ความรู้สึกและบรรยากาศ

กลุ่มนี้หากจะพูดถึงประเภทของผลิตภัณฑ์ก็ให้นึกถึงพวก ประตูอัจฉริยะ หน้าต่างอัจฉริยะ ประตูโรงจอดรถอัจฉริยะ และหลอดไฟฟ้าอัจฉริยะ ตลาดนี้จะมุ่งตรงไปที่ความรู้สึกสะดวกและปลอดภัย รวมไปถึงการสร้างบรรยากาศให้บ้านน่าอยู่ซึ่งจะสัมพันธ์กับแสงภาย ลม และคุณภาพอากาศภายในบ้านอีกด้วย

มูลค่าตลาดกลุ่มนี้ในปี 2020 อยู่ที่ 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสหรัฐเป็นผู้กินส่วนแบ่งตลาดใหญ่ที่ 35% รองลงคือยุโรป 33% ด้วยมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจีน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนตลาดที่ 12% ขณะที่คาดการณ์ตัวเลขการเติบโตในปี 2026 ตลาดนี้น่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 17,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมียุโรปเป็นความหวังสำคัญในช่วง 5 ปีจากนี้ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยที่ 19.3% ขณะที่สหรัฐและจีนเท่ากันที่ 12.8%

เขียน : เอกพล มงคลพัฒนกุล